วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

ล้วงลึก "เจิญโอสถ" กับแผนกินรวบธุรกิจเครือข่าย


ล้วงลึก "เจิญโอสถ"
กับแผนกินรวบธุรกิจเครือข่าย

“เจริญโอสถฯ” สร้างความระทึกใจให้วงการเครือข่ายไทยตะลึง หลังส่ง “ร้านจอยมาร์ท” ขายตรงสะดวกซื้อรายแรกของไทยลงสนามแข่ง ส่งผลให้ยอดขายพุ่งกระฉูดเดือนละเกือบ 100 ล้านบาท “สมชาย” ชี้เจริญโอสถฯ เดินมาถูกทาง สร้างธุรกิจเครือข่ายที่จับต้องได้ชัดเจน ลบข้อกังขาผู้บริโภคได้อย่างน่าทึ่ง

ดร.สมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค จำกัด เปิดเผย “ตลาดวิเคราะห์” ว่า 6 ปีกับการโลดแล่นอยู่ในยุทธจักรเครือข่าย ทำให้ได้มองเห็นอะไรหลาย ๆ อย่างค่อนข้างทะลุปรุโปร่ง อย่างแรกที่ชัดเจนที่สุด คือ การเปิดศูนย์จำหน่ายสินค้าของสมาชิก ในกรณีที่บริษัทมีสินค้าเข้าสู่ระบบน้อยจนเกินไป สถิติที่ผ่านมาหากบริษัทใดก็ตามที่มีสินค้าไม่หลากหลาย ศูนย์จำหน่ายมักจะปิดตัวไปในเวลาอันสั้น

“สิ่งนี้แหละซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ผมต้องคิดค้นหาแนวทางที่จะปิดจุดบอดของขายตรงทั่วๆ ไป เพราะถ้าพูดเรื่องแผนการตลาด ก็คงไม่มีใครเหนือใคร ก็คือ ต้องจ่ายอยู่ภายใต้กลไกที่จ่ายได้ ใครจะไปอ้างว่าจ่ายมากกว่า ก็เป็นแค่เพียงกลยุทธ์ของการตลาดเท่านั้น”

เมื่อเรามองปัญหาของธุรกิจเครือข่ายในอดีตว่า มีจุดบอดหลักตรงนี้ บริษัท เจริญโอสถฯ จึงค้นหาวิธีเพื่อสกัดจุดบอด ผลก็เลยออกมาตรงที่การเปิดศูนย์จอยมาร์ท ซึ่งเป็นขายตรงสะดวกซื้อรายแรกของไทย มีสินค้าทุกอย่างที่ร้านมินิมาร์ททั่วๆ ไปมี และนอกเหนือจากนั้นเราก็มีสินค้าเฉพาะซึ่งอยู่ในระบบเครือข่ายอีกนับร้อยรายการ

ในอดีตบริษัทขายตรงมักจะเดินตามกัน ผลิตสินค้าเลียนแบบกัน หรือไม่ก็คล้ายๆ กัน เอาเรื่องแผนการตลาด เอาเรื่องราคามาคอยบลั๊ฟคู่แข่ง ทำแบบนี้มานับสิบๆ ปี จนผู้บริโภคเริ่มเบื่อกับเกมการตลาดเก่าๆ ยิ่งการเปิดสาขาที่ต้องอาศัยแม่ทีม ลูกทีม สมาชิกที่รู้จักบริษัทดีอยู่แล้วคอยชักชวนคนใหม่เข้าไป ตรงนี้เรามองว่า ค่อนข้างจะมีข้อจำกัด ถ้าเกิดไม่มีคนชวน ลูกค้าใหม่เขาก็ไม่เข้ามา แต่การที่เราเปิดจอย มาร์ทโดยเอาช่องทางร้านสะดวกซื้อ ในรูปแบบโมเดิร์นเทรดมาผสมผสานกับระบบเครือข่าย จึงสามารถตอบข้อสงสัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ชัดเจน เพราะเราสามารถได้ลูกค้าหน้าใหม่ที่เข้ามาใช้บริการในร้านจอยมาร์ทด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีใครชักชวนเข้ามา ตรงนี้ต่างหากที่เรียกว่า ความเหนือชั้นที่เรามีมากกว่าบริษัทขายตรงทั่วๆ ไป

“เมื่อต้องการสมัครเป็นสมาชิกเพื่อทำธุรกิจ แค่เริ่มต้นเพียง 450 บาท หลังจากนั้นอยากซื้ออะไร ช้อปอะไรก็ได้ทั้งหมด มีการสะสม คะแนน หรือพีวี ถ้านึกถึงธรรมชาติขายตรงทั่วๆ ไปที่เปิดศูนย์จำหน่าย ก็จะมีสินค้าไม่กี่รายการ ผู้บริโภคมีเพียงสมาชิกหน้าเก่า ส่วนสมาชิกหน้าใหม่ถ้าไม่มีคนแนะนำมาเขาจะไม่เข้า ขณะที่ร้านจอยมาร์ทของเจริญโอสถฯ ซึ่งมีสินค้าหลากหลายกว่า 4,000 รายการ ผู้บริโภคใครก็ได้สามารถเดินเข้ามาใช้บริการได้ทั้งหมด ไม่มีการบังคับว่าทุกคนจะต้องซื้อเท่านั้นเท่านี้ นี่คือ ความลงตัวของธุรกิจขายตรงแห่งโลกอนาคต”

ดร.สมชาย กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีศูนย์จอยมาร์ททั่วประเทศกว่า 30 แห่ง ทั้งในรูปแบบบริษัทฯ เปิดเองตามจุดใหญ่ๆ เพื่อใช้เป็นคลังกระจายสินค้า และสมาชิกเป็นผู้ลงทุนเอง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็ได้จับมือกับกลุ่มบริษัทพันธมิตรมากมาย เช่น บริษัทในเครือสหพัฒน์ฯ, บริษัท แม็คโคร และบริษัทซึ่งเป็นผู้ผลิตอีกหลายรายสินค้านับ 100 รายการ นอกจากนี้ยังได้จับมือกับ บริษัท ยูสตาร์, บริษัท อาคเนย์ฯ จับมือกับแบงก์กรุงเทพฯ และไทยพาณิชย์ และล่าสุดก็ได้จับมือกับบริษัทในเครือ AIS เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางด้านการตลาดซึ่งกันและกัน

“ทั้งหมดนี้ก็เพื่อต้องการสร้างธุรกิจให้มั่นคง ผู้คนที่มาร่วมก็จะเกิดความเชื่อมั่นสามารถอยู่ได้ตลอดจนชั่วลูกชั่วหลาน จนเป็นมรดกตกทอดให้กับรุ่นต่อๆ ไป ตรงนี้ต่างหากที่เราพยายามคิดกลยุทธ์แล้วก็ใช้จอยมาร์ทเป็นเครื่องมือ ทำให้สินค้าในระบบและสินค้าทั่วไปเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เร็ว และมากกว่า เสมือนหนึ่งเป็นเครื่องมือเพื่อทำให้สมาชิกขายสินค้าขยายเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”

ดร.สมชาย กล่าวอีกว่า บริษัท เจริญโอสถฯ กำลังบอกกับสังคมว่า เรากำลังสร้างเครือข่ายขายตรงแบบสะดวกซื้อ ซึ่งสามารถทำรายจ่ายกลับมาเป็นรายรับจากระบบเครือข่ายของคนที่เป็นเจ้าของเครือข่าย แล้วใครล่ะที่เป็นเจ้าของเครือข่าย ก็คือ คนที่เดินเข้ามาเป็นผู้จำหน่ายอิสระแล้วตัดสินใจสร้างเครือข่ายของเขาเอง โดยอาศัยเครื่องมือที่บริษัทสร้างขึ้นมา เป็นเสมือนหนึ่งบริษัทกำลังสร้างระบบแฟรนไชส์ เอาระบบเครือข่ายไปขยายต่อแล้วเขาก็จะเติบโต เมื่อเขามีเน็ทเวิร์คมากเท่าไหร่ ก็จะกลายเป็นเจ้าของธุรกิจไปโดยปริยาย ส่งผลให้เกิดรายได้ตามมาอย่างไม่จำกัดเช่นกัน

ในวันนี้บริษัทฯ ภูมิใจที่มีคนในองค์กรนับหมื่นๆ คนที่ได้รับผลตอบแทนจากการสร้างเครือข่าย ในแต่ละเดือนประมาณ 2-3 หมื่นบาท ส่วนที่มีรายได้หลักพันก็อีกหลายหมื่นคน ขณะที่มีรายได้หลักแสนถึงหลักล้านบาทต่อเดือนก็มีอยู่หลายร้อยคน หลายคนที่ร่วมกับเจริญโอสถฯ มา 5-6 ปี มีรายได้รวมหลายสิบล้านบาท มีบ้าน มีรถ มีสวนเกษตร มีที่ดินมากมาย ไม่มีใครตกต่ำเมื่อก้าวเดินไปพร้อมๆ กับการเติบโตของเจริญโอสถฯ

“ผมมั่นใจว่า การสร้างเครื่องมือใหม่ๆ คิดในเรื่องใหม่ๆ สร้างสิ่งที่เหนือกว่า ดีกว่าให้ผู้บริโภคได้สัมผัส จับต้องได้ จะเป็นอาวุธสำคัญที่จะทำให้เจริญโอสถฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดดเกินความคาดหมาย”

ดร.สมชาย กล่าวอีกว่า ในแง่ของการทำงาน ก็ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เป็นที่เชื่อถือทำให้คนยอมรับมากขึ้น จะเห็นว่าปัจจุบันผู้คนจากค่ายต่างๆ ที่ไม่ประสบความสำเร็จจะเข้ามาร่วมธุรกิจกับเจริญโอสถฯ เพิ่มมากขึ้น นี่คือ ธรรมชาติของมนุษย์ เพราะในที่สุดเขาก็จะเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง คงไม่มีใครอยากจะไปเริ่มสร้างในสิ่งที่มองไม่เห็น หรือจับต้องไม่ได้ มันหมดยุคไปนานแล้ว เพราะการไปสร้างฝันลมๆ แล้งๆ เดี๋ยวนี้โอกาสสำเร็จมีน้อยมาก

“ต้องยอมรับว่า ยุคนี้การแข่งขันมันสูง บริษัทเครือข่ายรายใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย มีการโจมตีคู่แข่งทั้งใต้ดิน และบนดิน เพื่อหวังจะให้สมาชิกจากค่ายตาม แต่คนเครือข่ายมือ อาชีพ ที่มีผลงานจริงๆ เดี๋ยวนี้จะไม่ค่อยคล้อยตามกับการโฆษณาชวนเชื่ออีกต่อไป เนื่องจากพวกเขาเคยได้รับบาดเจ็บจากสิ่งเหล่านี้มามาก ก็เลยไม่ต้องการไปแสวงหาความ ล้มเหลวครั้งใหม่อีกต่อไป”

เมื่อรู้ว่าคนเครือข่ายต่างก็ได้รับอาการบอบช้ำจากตรงนี้มามาก บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่ง สร้างอาวุธที่ทันสมัยให้กับสมาชิกทุกคนเพื่อนำไปใช้ในการแข่งขัน ฉะนั้น จะเห็นว่าที่ผ่านมา บริษัท เจริญโอสถฯ จะไม่ขายในสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เราจะขายในสิ่งที่สัมผัสได้เท่านั้น

“วันนี้เราพยายามสร้างสิ่งที่มองเห็น และจับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของตัวสินค้า ตัวระบบธุรกิจ แผนการตลาด ผมตั้งคำถามในใจตลอดเวลาว่า สิ่งที่คนจะเดินเข้ามาหาเรา เขาจะได้ประโยชน์อะไรจากเรา ผมไม่เคยคิดว่าผมจะได้ประโยชน์อะไรจากเขา จากจุดตรงนี้เอง ในฐานะที่เราเป็นผู้ประกอบการถ้าเขาได้ เราก็ต้องได้อยู่แล้ว ฉะนั้น ผมคิดแต่ว่า เราจะสร้างความพอใจให้กับ ผู้บริโภคตามที่เขาต้องการได้อย่างไร และในรูปแบบไหนบ้าง”

เมื่อบริษัทได้มุ่งมั่นกับสิ่งที่เราได้นำเสนอ จนสามารถตอบคนอื่นได้ว่ามันเกิดขึ้นจริง และพิสูจน์ให้เห็นว่า มันสำเร็จจริง ผู้คนก็จะศรัทธา คนเราต้องสร้างจุดขาย สร้างความแตกต่างจากคนอื่นให้ชัดเจน นี่คือ กลยุทธ์ที่บริษัท เจริญโอสถฯ ใช้มาโดยตลอด

หรืออย่างมินิมาร์ททั่วไป ส่วนใหญ่จะไม่มีส่วนลด หรือถ้าลดก็แถมแสตมป์อะไรทำนองนี้ แต่ถ้าซื้อในจอย มาร์ทซึ่งมันเป็นเครือข่าย ก็จะเกิดเน็ทเวิร์ค มาร์เก็ตติ้ง คำว่าเน็ทเวิร์ค ก็คือ เมื่อมีการสร้างเครือข่ายหรือสายงาน ทุกครั้งที่มีการบริโภค มีการซื้อสินค้าใช้ ประโยชน์ส่วนนั้นก็จะได้ทั้งส่วนลด และส่วนคืนมันจะวิ่งกลับมาหาคนที่เป็นเจ้าของเครือข่าย ทีนี้เราถามว่า ในธุรกิจหลักของขายตรง ปัจจุบัน คือ การสร้างเครือข่าย แต่ถ้าเครือข่ายนั้นไม่มีเครื่องมือ เราก็ไม่สามารถรักษาองค์กรหรือทำให้เครือข่ายนั้นเกิดประโยชน์ร่วมกันต่อไปได้

“ในปีนี้เพื่อเติมเต็มให้แผนการตลาดบรรลุถึงเป้าหมาย สมาชิกทำงานง่ายขึ้น ผมได้ทุ่มงบทางด้านการตลาดกว่า 20 ล้านบาท เพื่อโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ตามสื่อหนังสือพิมพ์ และทีวี เพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงรูปแบบธุรกิจ และกลยุทธ์ที่แท้จริงของเจริญโอสถฯ ตลอดทั้งปี ผมไม่ได้มองว่า ขณะนี้กำลังเกิดภาวะวิกฤติน้ำมันจะต้องชะลอตัวในการลงทุน แต่ผมมองว่าเป็นเป็นโอกาสของผู้คนที่จะเข้ามาสู่ระบบเครือข่าย เพราะมันสามารถทำให้ผู้คนมีรายได้อย่างไร้ขีดจำกัด สวนกระแสวิกฤติ นี่คือ เสน่ห์อันประทับใจของธุรกิจเครือข่าย ไม่มีวันตายแม้ภาวะเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไรก็ตาม” ดร.สมชายกล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น