วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2556

ล้อแม็กดี คุณภาพเยี่ยม เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม มิตรภาพเป็นกันเอง

ล้อแม็กดี คุณภาพเยี่ยม เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม มิตรภาพเป็นกันเอง 

https://www.facebook.com/pages/ล้อแม็ก/350109988457079


วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2555

ด่วนขายที่ดิน189 ตารางวา (ถูกเว่อ)


ขายที่ดิน189 ตารางวา ราคาตาราวาละ 65,000 บาท

ต่อรองได้ เจ้าของขายเอง ซอย ต้นสน

ถนน แจ้งวัฒนะ ใกล้เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ

เหมาะสร้างหอพักและบ้านอยู่อาศัย

พร้อมติดต่อสถาบันการเงินให้

กรุณาติดต่อ 087 518 8547 คุณ ออมสิน




วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553





ยินดีต้อนรับทุกท่านรวยด้วย Join&Coin อาชีพที่เป็นไปได้ ทำง่าย มั่นคง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม naynopphon09@gmail.compart time parttime งาน part time งานทำที่บ้าน งานพิเศษ งานพิเศษทำที่บ้าน งานหลังเลิกงาน งานเสริม รายได้พิเศษ รายได้เสริม หางาน หางานพิเศษผ่าเกมรุกค่าย “จอยแอนด์คอยน์” ขายตรงสะดวกซื้อหนึ่งเดียวของเมืองไทย ยอดขายทะลุเป้า…จับตา ปี 2554 พร้อมระเบิดความแรงเต็มรูปแบบ “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ประกาศศักดา ท้าพิสูจน์ความแข็งแกร่งกับการก้าวสู่ปีที่ 10 ด้วยการสร้างนวัตกรรมการตลาดแนวใหม่ให้สมาชิกทำงานง่ายขึ้น ยอมรับ “สื่อทีวีดาวเทียม” มีบทบาทต่อการขยายเครือข่ายอย่างเห็นได้ชัด กระชับพื้นที่ด้วยหลักสูตรการอบรมผู้นำฉบับย่อ

มุ่งหวังสร้างความสำเร็จให้คนไทยมีอนาคตที่ก้าวไกลและยั่งยืน

เผลอแปล๊บเดียว บริษัท จอยแอนด์คอยน์ฯ (เจริญโอสถฯเดิม) ก็ก้าวสู่ปีที่ 10 ด้วยการนำทัพของ “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” โดยมีผู้นำระดับหัวแถวไม่ต่ำกว่า 400 คน เป็นขุนศึกคู่บัลลังก์ กลุ่มคนเหล่านี้มีรายได้ระดับ 2-3 แสน ไปจนถึงกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน

นี่ยังไม่นับรวมผู้นำ ระดับรองๆ ลงไปอีกกว่า 2,000 คน ที่มีรายได้หลัก5-7 หมื่นบาทไปจนถึงหลักแสนต้นๆ ต่อเดือน

จากความแข็งแกร่ง และประสบความสำเร็จแบบยั่งยืนของเหล่าผู้นำ ทำให้ “บริษัท จอยแอนด์คอยน์ฯ” ขึ้นชาร์ทในอันดับต้นๆ ที่ถูกยกระดับให้เป็นบริษัทขายตรงที่มีความมั่นคง อีกบริษัทหนึ่งของเมืองไทย

บริษัท จอยแอนด์ คอยน์ฯ ไม่ได้เติบโตแบบฟรุ๊คๆ หรือบุญหล่นทับ แต่เป็นการเติบโตด้วยฝีมือการบริหารอันชาญฉลาด และมองการณ์ไกลของ “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” ล้วนๆ

ดังจะเห็นได้จาก การสร้างกลไกการตลาดแนวใหม่ในระบบขายตรงไทย ภายใต้รหัส “ขายตรงสะดวกซื้อรายแรกของเมืองไทย” นี่คือ วิสัยทัศน์ของ “ดร.สมชาย หัชลีฬหา” เมื่อ 3-4 ปีก่อน โดยเปิด “จอยมาร์ท” ขึ้นมา เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งกระจายไปทั่วประเทศเกือบ 40 สาขา

ดร.สมชาย หัชลีฬหา เปิดเผย “ตลาดวิเคราะห์” ว่า การกำหนดยุทธศาสตร์ทางการตลาดแนวใหม่ของ “จอยแอนด์คอยน์” เมื่อหลายปีก่อน บัดนี้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า บริษัทได้ก้าวเดินมาสู่ทิศทางที่ถูกต้อง

“ผมค้นพบว่าสินค้าอุปโภค-บริโภค หรือสินค้าประเภทจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน เป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำพาให้บริษัทเครือข่ายหรือขายตรงนั้นๆ เติบโตแบบยั่งยืน เพราะถ้าเราไปชูสินค้าตัวใดตัวหนึ่งเป็นเมนหลัก ย่อมอยู่ในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงมาก เนื่องจากยุคนี้การแข่งขันมีสูงมาก ใครผลิตสินค้าขึ้นมาแล้วได้รับความนิยม ก็จะมีคนอื่นผลิตขึ้นมาแข่งขัน ตัดราคา ทำลายกลไกการตลาดโดยไม่รู้ตัว ถ้าเราปรับตัวไม่ทันก็จะส่งผลกระทบต่อยอดขายอย่างมาก”

จากประสบการณ์ดังกล่าวทำให้มองเห็นว่า การจะสร้างพลังเครือข่ายการบริโภคแบบยั่งยืน บริษัทจะต้องมีปริมาณสินค้าที่หลากหลาย และสินค้านั้นๆ มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคมด้วย ตรงนี้ต่างหากที่จะทำให้บริษัทนั้นๆ ก้าวไปสู่ความมั่นคงของธุรกิจ

ดร.สมชาย กล่าวอีกว่า บริษัทจอยแอนด์คอยน์ฯ จึงได้นำสินค้าหลากหลายและเป็นที่ต้องการของประชาชนเข้าสู่ระบบขายตรงที่สมบูรณ์แบบที่สุด แทนที่ผู้บริโภคจะไปซื้อสินค้าจากร้านค้าทั่วไป แต่ไม่ได้ผลกำไรตอบแทนกลับมาเลย แต่ถ้ามาซื้อกับบริษัทเรา สินค้าก็ได้ รายได้ก็มี แถมยังเป็นการสร้างฐานอาชีพให้กับประชาชน ได้มีโอกาสสร้างรายได้จากการขยายเครือข่ายหรือขยายกลุ่มผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

“จะเห็นว่า เวลานี้กลุ่มผู้นำของบริษัทฯ มีพลังแข็งแกร่งมาก จะเห็นได้จากการจัดสัมมนาแต่ละครั้ง จะมีระดับผู้นำจำนวนมากเข้าร่วมครั้งละไม่ต่ำกว่า

400 – 500 คนเลยทีเดียว จนมีคนกล่าวขานว่า ผู้นำ ของจอยแอนด์คอยน์ฯ มีความเป็นปึ่กแผ่นแน่นเหนียวมาก”

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ทุ่มงบโฆษณาทางสื่อหนังสือพิมพ์ขายตรงอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างแบรนด์ สร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทฯ จนเป็นที่ยอมรับของประชาชนเป็นอย่างมาก

จากความสำเร็จดังกล่าว บริษัทฯ จึงได้ต่อยอดไปยังสื่อทีวีทางเลือก นั่นก็คือ ทีวีดาวเทียม ด้วยการร่วมผลิตรายการกับช่อง IN TV และช่อง MV 5 เมื่อกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ในช่วงแรกๆ ก็ไม่ได้หวังผลในเชิงธุรกิจมากนัก

“ปัจจุบันต้องยอมรับว่า สื่อทีวีดาวเทียมมีบทบาทและอิทธิพลต่อการขยายเครือข่ายให้กับสมาชิกเป็นอย่างมาก และในปี 2553 ที่ผ่านมา ขนาดเกิดวิกฤติรอบทิศทาง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง บริษัทฯ ยังสามารถทำยอดขายได้เกือบ 1,500 ล้านบาท ฉะนั้น บริษัทฯ จึงได้เพิ่มงบทางด้านสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง อะไรที่ส่งเสริมให้สมาชิกทำงานง่ายขึ้น ผมทำหมด โดยส่วนตัวแล้ว ผมมีความมั่นคงอยู่แล้ว แต่ด้วยความรักในอาชีพเครือข่ายหรือขายตรง จึงอยากส่งเสริมให้คนไทยเข้ามาทำอาชีพนี้มาก เพราะเป็นอาชีพเดยวที่เหมาะสำหรับคนทุกระดับชั้น ลงทุนต่ำ อัตราเสี่ยงแทบไม่มี ขอให้เข้าไปร่วมงานกับบริษัทที่มีความพร้อม และมีอาวุธที่ทันสมัยให้เราทำงานง่ายขึ้น”

ดร.สมชาย กล่าวอีกว่า การทำขายตรงจะให้ประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เราต้องเลือกให้ถูกที่ ถูกบริษัท โดยเฉพาะภายใต้การแข่งขันที่เข้มข้นอย่างนี้ ถ้าเลือกผิดที่ ผิดบริษัทก็จะทำให้เราเสียเวลา เสียโอกาสในการดำเนินชีวิตอย่างน่าเสียดาย

ฉะนั้น การวางแผนเชิงกลยุทธ์ย่อมเป็นหัวใจสำคัญ คนเราถ้าจะวางแผนอะไรสักอย่าง ก็ต้องมีการวิเคราะห์ สำรวจตรวจสอบกับสิ่งที่เราอยากจะทำ และสิ่งที่เราคาดหวังในอนาคต ว่ามีอะไรบ้าง

ที่ผ่านมา บริษัท จอยแอนด์คอยน์ฯ ได้วางกลยุทธ์ไว้ 4 เฟสด้วยกัน คือ 1. เราทำ R&D 2. เมื่อเข้าตลาดแล้วจะทำอย่างไรให้ตลาดรู้จักเรา ก็เหมือนเราล็อนซ์สินค้าหรือทำให้ลูกค้าพึงพอใจแล้วเกิดการยอมรับ และเข้ามาสู่การเป็นลูกค้าแล้วเกิดความภักดีกับตัว

โปรดักส์ และตัวบริษัทมากขึ้น 3. จะทำอย่างไรให้สิ่งที่เราได้ล็อนซ์ไปได้เติบโต และขยายตัวให้สามารถมีฐานลูกค้าที่มากขึ้น และ 4. คือ ช่วงที่เติบโตเต็มที่ เราจะมีอะไรออกมาเล่นอีก

ดร.สมชาย กล่าวอีกว่า เมื่อบริษัทฯ ได้สร้างกลไกการตลาดที่ชัดเจน ก็ได้มีซอฟต์แวร์เข้ามาสู่ระบบ ปัจจุบันเปิดสาขาจอยมาร์ทไปแล้วเกือบ 40 แห่ง มีสินค้าเป็นหมื่นๆ รายการ พอเราออกแบบโครงสร้างเสร็จ มีสินค้าครบวงจาร พูดได้ว่ามากที่สุดในวงการขายตรงระดับโลกเลยทีเดียว ด้านเทคโนโลยีของเรา ก็ไม่เป็นสองรองใคร นอกจากนี้ยังมีระบบของการฝึกอบรม ระบบที่จะทำให้การจัดจำหน่ายสินค้าสะดวกสบายสามารถมีสินค้าเพียงพอ และตรงต่อความต้องการ และทันต่อลูกค้า จะต้องทำการวิจัยไปด้วย ทำไปด้วยแล้วก็มีระบบรองรับในการฝึกอบรมด้วย

“ที่สำคัญ บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการจัดทำหลักสูตร เพื่อฝึกอบรม สร้างความรู้ความสำเร็จให้สมาชิกในระยะเวลาอันสั้น ด้วยกลกาการตลาด และการบริหารแนวใหม่ เราได้นำเทคนิคการสร้างความสำเร็จฉบับย่อมาใช้ในองค์กร ส่งผลให้สมาชิกที่ตั้งใจทำงานอย่างจริงจังประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ด้วยแผนการจ่ายผลตอบแทนที่ทำง่ายไม่สลับซับซ้อนแต่อย่างใด ใครๆ ก็ทำได้”

ที่ผ่านมาจะเห็นว่า มีผู้คนจำนวนมากที่เข้ามาร่วมธุรกิจกับบริษัทฯ ต่างก็ประสบความสำเร็จไปตามๆ กัน มีชีวิตที่ดีขึ้น หลายคนมีรายได้หลักแสนหลักล้าน บางคนมีเงินซื้อรถราคาแพงๆ ขับ มีบ้านราคาหลังละ 10-20 ล้านบาท นี่รายได้ที่เกิดจากการสร้างเครือข่ายหรือฐานผู้บริโภคจากบริษัท จอยแอนด์ คอยน์ฯ ล้วนๆ

“ผมเน้นย้ำเสมอว่า บริษัทของเรา เป็นธุรกิจที่สร้างงานสร้างอาชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดีขึ้น ดังสโลแกนที่ว่า อาชีพที่เป็นไปได้ ทำง่าย และมั่นคง เพราะเราฝึกคนให้เก่งขึ้น ฝึกอย่างต่อเนื่อง เราสอนในทฤษฎี สอนอะไรทุกอย่าง จนกระทั่งมีความสามารถมีความเก่งมีความชำนาญทุกเรื่อง วันนี้เราได้คนที่มีศักยภาพจำนวนมาก จนเขาสามารถไปถ่ายทอด หรือไปฝึกผู้นำรุ่นต่อๆ ไปด้วยกลไกของผู้นำเอง การลงทุนกับคนถือเป็นหัวใจสำคัญในการขยายธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน ผมให้ความสำคัญกับการลงทุนกับทรัพยากรมนุษย์มากกว่าสิ่งอื่นใด ถ้าบุคลากรมีคุณภาพก็จะนำพาองค์กรให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จร่วมกันได้ไม่ยาก นี่คือ เป้าหมายของทุกคนอยู่แล้ว” ดร.สมชาย กล่าวปิดท้าย

หนังสือพิมพ์ตลาดวิเคราะห์ ฉบับที่ 290 ประจำวันที่ 1 – 15 กุมภาพันธ์ 2554

วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ยินดีต้อนรับทุกท่าน เจริญโอสถฯจอยมาร์ทธุรกิจทองของคนไทย ทำง่าย ไม่ต้องรักษายอด มีสคบ.รองรับ naynopphon@hotmail.com





ขายตรงสะดวกซื้อรายแรกของเมืองไทย

เจริญโอสถฯจอยมาร์ทธุรกิจทองของคนไทย


วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553


ในอุตสาหกรรมธุรกิจเครือข่ายขายตรง ในปัจจุบัน มีการแข่งขันที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ การมีผลิตภัณฑ์ตัวเดียว กลุ่มเดียวหรือ เพียงสองสามตัว จึงไม่อาจที่จะสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนได้ หรือก็ทำได้ยาก บริษัทฯ จึงได้มีการขยายไลน์สินค้าเพิ่มขึ้นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญสามารถผลิตเองได้ เช่น กลุ่ม สมุนไพร และยาสมุนไพรจีน ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสมุไพร ผลิตภัณฑ์ทางด้านผิวพรรณ และความงาม TIDA HEAB, KRIST สินค้าที่บริษัทได้ลิขสิทธิ์มา เช่น เครื่องสำอางค์แบรนด์ D&C-USA, COLLAS-Paris หรือแม้กระทั่งการร่วมลงทุน ในการผลิตสินค้า กับผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงหรือมีความเชี่ยวชาญมานาน เช่นกลุ่มผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตร ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง โดยยึดหลัก คุณภาพดีที่สุด ในราคาที่เหมาะสมกับตลาด ความพึงพอใจของนักธุรกิจอิสระ และผู้ปริโภค
นอกจากกลุ่มสินค้าคุณภาพที่บริษัทฯ ได้คัดสรรมาแล้ว เพื่อเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเป็นการขยายฐานการตลาดให้กว้างไกลมากยิ่งขึ้น หนึ่งในวัตกรรมทางการตลาดแนวใหม่ "จอยมาร์ท ขายตรงสะดวกซื้อ" จึงได้ก่อกำเนิดขึ้น จากวิสัยทัศน์อันก้าวไกล ของ ดร.สมชาย หัสชลีฬหา ประธานกรรการ บริษัทฯ ด้วยสินค้าอุปโภคบริโภคกว่า 8,000 รายการ ทั้งขายปลีก และขายส่ง "จอยมาร์ท" จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของการเติมเต็มให้กับธุรกิจ ได้อย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ด้วยการผสมผสานระหว่างระบบเครือข่ายขายตรง กับแฟรนไชน์มินิมาร์ทได้อย่างลงตัว เป็นการบิดจุดบอดสร้างจุดแข็ง เพื่อสร้างธุรกิจเครือข่ายที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
แนวความคิดแบบก้าวกระโดด ถือเป็นจุดแข็งของบริษัทฯ ด้วยวิสัยทัศน์ของ ดร.สมชาย หัสชลีฬหา เพื่อที่จะนำพานักธุรกิจอิสระ ร่วมสร้างเครือข่ายที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง การต่อยอดทางธุรกิจจึงมิได้หยุดอยู่เพียงแค่นี้ แนวความคิด "เปลื่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า" และ "การสร้างพันธมิตรทางการค้า" จึงเป็นหลักการ ที่ได้มีการนำมาใช้อย่างเป็นรูปธรรม ก่อเกิด นวัฒกรรมใหม่ของธุรกิจเครือข่าย ด้วยระบบ มัลติแชลแนล มาเก็ตติ้ง(Multi Chalnal Marketing) ซึ่งผู้ค้า ผู้ผลิต หรือใครก็ตาม นอกจากจะเข้าร่วมเป็นนักธุรกิจอิสระ สร้างเครือข่ายกับ บริษัทฯได้แล้ว ยังสามารถเป็นผู้ค้า้ร่วมกับ "เจริญโอสถฯ" ได้อีกด้วย นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ของวงการเครือข่ายขายตรงไทยเลยทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่ปัจจุบัน บริษัทมีสินค้าที่หลากหลายเข้ามามากมายอย่างต่อเนื่อง จากพันธมิตรทางการค้าพัฒนาการที่ไม่หยุดยั้ง เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจเครือข่ายขายตรงของเมืองไทย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักธุรกิจอิสระของ "เจริญโอสถฯ" รูปแบบการทำตลาดในเชิงเข้าหา(Marketing Approach) เพื่อนำเสนอในสิ่งที่ลูกค้าปฏิเสธไม่ได้ จึงเป็นจิ๊กซอที่สมบูรณ์แบบของ จอยมาร์ท ...ขายตรงสะดวกซื้อ สู่ห้างขายตรงเหนือระดับ(MLM Department Store)แห่งแรกของเมืองไทย

ทำง่าย ได้จริง มั่นคง



อาชีพที่เป็นไปได้ ทำง่าย ได้จริง มั่นคง
บริษัทของคนไทย
บริษัทมั่นคงเชื่อถือได้ ดำเนินการก้าวขึ้นสู่ปีที่ 8
มีสำนักของตนเอง มีโรงงานผลิตสินค้าหลักของตนเอง
อัตราการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ
สินค้าโดดเด่น คุณภาพสูง และหลากหลายกว่า 10,000 รายการ
แผนการตลาดที่ดี ทำง่าย ได้จริง ได้เร็ว ยุติธรรม
ไม่บังคับรักษายอด รับรายได้รายวัน
ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ที่ดี มีความเชี่ยวชาญ ในธุรกิจเครือข่าย
มีสาขามากกว่า 40 สาขาทั่วประเทศ
อนาคตจะขยายไปยังต่างประเทศ จีน มาเลเซีย ลาว เวียดนาม กัมพูชา
มีระบบทำงานออนไลน์
มีทีมงานและระบบสู่ความสำเร็จที่ดี และทำง่าย

นวัตกรรมการตลาดแนวใหม่ ขายตรงสะดวกซื้อ
ร้านจอยมาร์ท (Join Mart)ขายตรงสะดวกซื้อ รายแรกของเมืองไทยรวมค้าปลีก ค้าส่ง ขายตรง ไว้ที่เดียวกันเปลี่ยนรายจ่ายให้มาเป็นรายรับ

ผลิตภัณฑ์หลากหลาย
ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพผลิตภัณฑ์เพื่อความงามผลิตภัณฑ์การเกษตร ผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคผลิตภัณฑ์จากพันธมิตรมากมาย

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2553

งานฉลองครบรอบ 8 ปี

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

วีดีโอ ที่เปลี่ยนชีวิตคนมาแล้วทั่วโลก ....



วีดีโอ ที่เปลี่ยนชีวิตคนมาแล้วทั่วโลก ....คุณกำลัง แบกถังน้ำ หรือสร้างท่อส่งน้ำอยู่.

เจริญโอสถ นำสู่ทางรวย


แผนที่บริษัทเจริญโอสถ(สาขารัชดา) แผนที่บริษัทเจริญโอสถ(สาขาขอนแก่น)

ซื้อแล้วรวย







วันอังคารที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2552

"เจริญโอสถฯ"เขย่าขายตรงอีก


"เจริญโอสถฯ"เขย่าขายตรงอีก
ฉีกมิติร้อนหนุนผู้นำก้าวสู่ความเป็นหนึ่ง

"เจริญโอสถฯ" รุกขายตรงหนัก ผู้นำต่างทะลักเข้าร่วมธุรกิจเพียบ หลัง "จอยมาร์ท" ขายตรงสะดวกซื้อ เริ่มออกฤทธิ์พิชิตความเหนือชั้นกว่าคู่แข่ง เหตุมีสินค้าขายทุกอย่าง แถมสินค้าในระบบอีกเกือบ 100 รายการ "สมชาย" เผยนโยบาย ผู้นำทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่จะได้รับเกียรติสูงสุด และมีบทบาทสำคัญเหมือนกับที่เขาเคยได้รับจากบริษัทเดิมยังไงยังงั้น เพราะที่นี่คือ "เวที" ของคุณ โชว์ความพร้อมด้วยการพัฒนาเทคโนโยลีที่ทันสมัย เติมเต็มการทำงานให้สมาชิกมีประสิทธิภาพ เพื่อก้าวไปสู่ความร่ำรวยสมบูรณ์แบบ

นับตั้งแต่ "บริษัท เจริญโอสถฯ" ได้ปรับโครงสร้างการบริหารภายในได้ลงตัว ด้วยการชู "จอยมาร์ท" ควงคู่ไปกับขายตรงสะดวกซื้อจนเป็นผลสำเร็จ ทำให้บริษัทขายตรง 4-5 ค่าย ต่างก็จับตามองความเคลื่อนไหวอย่างไม่กระพริบ

และมีบางบริษัทเริ่มเดินตามรูปแบบดังกล่าว เนื่องจากเกิดความเชื่อมั่นว่า นี่คือ วิธีที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ธุรกิจขายตรงเกิดความยั่งยืนถาวรตลอดไป ถือเป็นช่องทางที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในกลุ่มค้าปลีก และร้านสะดวกซื้อซึ่งปัจจุบันมีมูลค่านับล้านล้านบาท ให้หันมาทำธุรกิจเครือข่ายเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ให้กับตัวเอง

ต้องยอมรับว่าในช่วงแรกๆ ที่ บริษัท เจริญโอสถฯ" ได้ปล่อยหมัดเด็ดออกไป ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ว่า แผนรบในรูปแบบ "ขายตรงสะดวกซื้อ" คงไม่สำเร็จ เนื่องจากไม่สามารถที่จะไปแข่งขันกับเซ่เว่นฯ และมินิมาร์ททั่วๆ ไปได้

ปี'53มุ่งขยับ "จอยมาร์ท"
พุ่งทะยานสู่ 500 สาขา

แรกๆ "สมชาย หัชลีฬหา" ประธานกรรมการ ก็ชักจะวิตกเหมือนกัน แต่เมื่อได้เปิดสาขาอย่างบ้าคลั่งเกือบ 30 แห่งภายใน 1 ปีเศษๆ ปรากฏว่า พลิกความคาดหมาย สินค้าทุกรายการที่ร้านมินิมาร์ททั่วๆ ไปมี "จอยมาร์ท" ของเจริญโอสถฯ ก็มีหมด และที่เป็น "ไฮไลท์" สำคัญ ก็คือ การสะสมคะแนนให้กับสมาชิกเข้าระบบขายตรงเพื่อรับผลประโยชน์ต่อไป

"ผมไม่ได้มีสินค้าแค่ร้านสะดวกซื้อทั่วๆ ไปอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่จอยมาร์ทมีสินค้าที่มากกว่า นั่นคือ สินค้าที่อยู่ในระบบเครือข่ายอีกเกือบร้อยรายการ เพียงแต่จอยมาร์ทเป็นแหล่งกระจายสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกที่กระจายอยู่ทั่วประเทศได้ใช้บริการซื้อง่ายขายคล่องเท่านั้นเอง เพราะแผนการของผมต้องการเปิดจอยมาร์ทให้ได้อย่างต่ำ 500 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2553 ซึ่งร้านจอยมาร์ทแต่ละแห่งจะมีรายได้จากการขายปลีกอยู่แล้ว เนื่องจากมีสินค้ากว่า 4,000 รายการ และสินค้าในระบบเครือข่ายอีกมากมาย ซึ่งจะทำให้ก่อเกิดรายได้จากการบริหารศูนย์อีก นอกจากนี้ยังมีรายได้จากระบบ และอื่นๆ อีกมากมาย เมื่อแนวทางธุรกิจของเจริญโอสถฯ มีข้อดีกว่ามินิมาร์ททั่วไป และมีข้อดีมากกว่าขายตรงทั่วๆ ไป 3-4 ช่องทาง ทั้งปัจจุบันและอนาคตผู้บริโภคย่อมจะมองเห็นความเหนือชั้นตรงนี้ออก และตัดสินใจเลือกที่จะร่วมธุรกิจกับเจริญโอสถฯ แบบไม่มีข้อสงสัย และภาคภูมิใจ"

ภาวะวิกฤติไม่ส่งผลกระทบ
"จอยมาร์ท"แน่นปั๋งยั่งยืนมั่นคง

อย่าลืมนะว่าเดี๋ยวนี้ขายตรงหลายๆ แห่งเริ่มสร้างความหวั่นไหว และไม่มั่นคงให้กับสมาชิก ผู้คนอยู่แบบขวัญผวา ไม่รู้บริษัทจะปิดตัวเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าจะเกิดอาฟเตอร์ช็อค หรือมีการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรขึ้นเมื่อไหร่ อนาคตอันมั่นคงจะฝากไว้ที่ใครได้

เนื่องจากหลายๆ บริษัทไม่ได้สร้างความมั่นคงอย่างเป็นรูปธรรม แถมรูปแบบการดำเนินธุรกิจไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีความมั่นคงอะไร ยุคนี้แค่คำพูดเพียงอย่างเดียวคงไม่สามารถสร้างความเชื่อถือและการันตีถึงความมั่นคงได้ ที่สำคัญ ผู้นำมืออาชีพคงไม่มีใครอยากจะเสี่ยงเอาอนาคตไปแลก

นับตั้งแต่เปิดจอยมาร์ทขึ้นมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ปัจจุบันสมาชิกมีความเข้าใจเป็นอย่างดีว่า เจริญโอสถฯ มีความเหนือชั้นในเชิงการค้าทุกด้าน บริษัทฯ ได้สนับสนุนให้สมาชิกทำงานง่ายขึ้น ส่งผลให้ระดับผู้นำจากค่ายต่างๆ และสมาชิกเข้ามาร่วมกับบริษัทเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ยิ่งภาวะวิกฤตผันผวน หลายบริษัทเกิดการปั่นป่วน ผู้คนก็เลยมองเห็นช่องทางที่ดีกว่าเลือกเจริญโอสถฯ เพื่อความมั่นคง

ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของผมที่ว่า ผมไม่มีนโยบายไปรีครูทสมาชิกค่ายอื่น แต่ถ้าพวกเขานำสายงานเดินเข้ามาเพื่อแสวงหาความมั่นคงให้กับตนเอง และครอบครัว ผมก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ คนไทยเมื่อมีคนมาเยี่ยมถึงบ้านก็ต้องต้อนรับเป็นธรรมดา ผู้นำเหล่านั้นก็จะได้รับเกียรติ และมีบทบาทสำคัญเหมือนกับที่เขาเคยได้รับจากบริษัทเดิมยังไงยังงั้น

"เจริญโอสถฯ มีแผนที่จะเป็นมหาชนในอนาคต ฉะนั้น ย่อมเปิดกว้างสำหรับคนเครือข่ายทุกระดับชั้น เพราะที่นี่มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างผู้นำเพื่อให้ก้าวสู่ความเป็นหนึ่งจนชั่วลูกชั่วหลาน วัดกันง่ายๆ จากที่เราเปิดสาขาในชื่อ "จอยมาร์ท" ผู้บริโภคเดินเข้าไปในร้าน เรามีของขายทุกอย่าง นี่ก็เพื่อรองรับการเติบโตแบบยั่งยืน และเป็นเครื่องการันตีที่สามารถจับต้องได้ บ่งชี้ให้เห็นเด่นชัดว่า เจริญโอสถฯ มีความมั่นคงที่สัมผัสได้จริงๆ ผมไม่ชอบขายฝันลมๆ แล้งๆ ผมชอบเอาของจริงมาโชว์ให้ทุกคนให้เห็นจะจะคาตา สิ่งนี้น่าจะเป็นคำตอบได้ดีที่สุด" นายสมชายกล่าว

นำสิ่งอำนวยสะดวกหนุน
แรงส่งสมาชิกทำงานง่าย

นายสมชายกล่าวอีกว่า นอกจากนี้บริษัทฯ ตั้งใจเสมอมาว่า เราจะเป็นศูนย์รวมทุกอย่าง เมื่อสมาชิกเดินเข้ามาจะพบสินค้าหลากหลายที่สุด นี่คือจุดเริ่มต้นของความมั่นคง ที่สำคัญ สมาชิก ต้องก้าวให้ทันโลก เพราะโลกในปัจจุบันนี้ มันเป็นยุคของไอที ยุคแห่งการสื่อสาร ยุคแห่งการพัฒนาที่ต้องเอาเทคโนโลยีมาผสมผสาน และสามารถทำให้สมาชิกแข่งขันได้

ถ้าวันนี้เราไม่สามารถมีเครื่องมือต่อยอด ก็ไม่สามารถทำให้องค์กรมีชีวิต มีพลัง และมีเครื่องมือเพียงพอที่จะมาซัพพอร์ต องค์กรที่เราสร้างมาก็จะเสียประโยชน์เปล่า เหมือนกับเราสร้าง สร้าง สร้าง และก็ปล่อยให้มันตายไป ซึ่งไม่ได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์

"เครื่องมือที่ผมคิด ก็คือ วันนี้ผมอยากสร้างเครื่องมือที่บอกว่า ทำให้เราเป็นที่ 1 เรื่องขายตรงสะดวกซื้อ และขายตรงสะดวกซื้อจะเป็นอาชีพที่มั่นคง ถ้านึกถึงขายตรงที่มั่นคงต้องนึกถึง "เจริญโอสถฯ" นั่นหมายความว่า วันนี้เราต้องมีร้านค้า ต้องมีสินค้า และต้องมีเทคโนโลยีในการเชื่อมต่อ วันนี้ผมได้สร้างทีมงานวิศวกรมืออาชีพเซ็ทขึ้นมาอย่างเต็มรูปแบบ 1 ทีม เพื่อสร้างระบบซอฟต์แวร์ที่เป็นของเราเอง เพื่อก้าวสู่มาตรฐานสากลให้สามารถใช้ได้ทั่วโลก"

โชว์ความพร้อมทุกด้าน
สร้างเรื่องยากให้ง่าย

เหตุผลที่สร้าง "จอยมาร์ท" เพื่อให้ทุกคนสามารถรวมเครือข่ายได้โดยง่าย โดยมีตัวซอฟต์แวร์เป็นการตอบคำถามที่มีการพูดกันมานานว่า วันหนึ่งจะเป็นขายตรงสะดวกซื้อที่ซื้ออะไรก็ได้ ซื้อที่ไหนก็ได้แล้วมีคะแนน โดยจะมีแผน ทวิน เน็ทเวิร์ค หรือ บาลานซ์ เลค ได้ทั้ง 2 แห่ง โปรแกรมนี้จะใช้ใน "จอยมาร์ท" ได้ทุกสาขาทั่วไทย สมาชิกสามารถชวนใครมาซื้ออะไรก็ได้ แล้วสามารถบันทึกคะแนนเป็น PV ไม่ว่าจะเป็น บาลานซ์ทีม แล้วแต่เลือกว่าจะเอาแผนไหนได้ทั้งหมด

ก่อนหน้านี้มีคนบอกว่า คะแนนทำไมไม่มา มันมาเฉพาะทวิน เน็ทเวิร์ค หรือมาเฉพาะตอนสิ้นเดือน แต่เมื่อใช้โปรแกรมนี้ต่อไปคะแนนมันจะมาบ่อยขึ้น จากเริ่มต้นทุก 3 วัน คะแนนจะวิ่งขึ้นมาโชว์ ต่อไปนี้ใครจะซื้อ มาม่า สบู่ หรืออะไรก็แล้วแต่ใน "จอยมาร์ท" ถ้าลง PV ในบิลบาลานซ์ทีม อีก 3 วันทำการคะแนนก็จะวิ่งมาให้สมาชิกได้ดูกัน

ต่อไปถ้าระบบไม่มีปัญหาใดๆ จะส่งข้อมูลจากสาขาทั่วประเทศเข้าในบริษัทตรง โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ มากระทบ และจะพัฒนาไปสู่รายวัน ทำปุ๊บคะแนนก็โชว์เลยดาวไลน์ว่าซื้ออะไรข้างล่าง มีคะแนนมาเท่าไหร่ นั่นแสดงว่าขายตรงสะดวกซื้อที่แปลงรายจ่ายของผู้คนที่ซื้ออะไรก็ได้แล้วเป็นผลประโยชน์ของสมาชิก
"ทุกอย่างมันเป็นเรื่องของโปรแกรม CRB คือ โปรแกรมที่จะตอบสนองในเรื่องของบัญชีที่จะทำให้ท่านเข้าใจว่า วันนี้จะไปฝากเงินเท่าไหร่ ต้องส่งยอดเท่าไหร่ ทุกอย่างที่ผมทำก็คือสร้างเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ที่ผมพูดอยู่นี่ทำง่ายแต่เรามี Commitment ว่า ทำง่าย ได้จริง มั่นคง ไบนารี่ฟังดูเหมือนทำง่ายแต่เวลาคนทำยาก ผมเลยทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่ยากสำหรับที่นี่ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ทุกอย่างทำได้ เพียงแต่ให้มีความอดทนและใจเย็นสักนิด ทุกอย่างมันจะค่อยๆ เดินขึ้นและพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง"นายสมชายกล่าว


อะไรคือกุญแจแห่งความสำเร็จในธุรกิจขายตรงอย่างยั่งยืน ...!

ผมเองในฐานะที่คร่ำหวอดในวงการขายตรงมานานกว่า 6 ปี อยากจะบอกว่าวันนี้การที่ผมได้ผ่านประสบการณ์อันมีค่ากับบริษัทที่ผมเป็นเจ้าของและบริหารงานมาเอง ในบริษัทเจริญโอสถฯ ซึ่งการผ่านเหตุการณ์และอุปสรรคที่ผ่านมาทำให้ผมมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับธุรกิจขายตรง และทำให้ผมมองอะไรได้เฉียบคมมากขึ้น จึงอยากจะนำสิ่งดีๆ มาแนะนำให้ผู้อ่านได้ทราบ อาจเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย

ซึ่งในวันนี้ผมถือเป็นประโยชน์อย่างมาก ที่ได้มาแชร์ประสบการณ์ถึงเรื่องราวและทฤษฎีต่างๆ ที่เกี่ยวกับความสำเร็จในธุรกิจขายตรง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานทำวิจัยเรื่องขายตรงโดยเฉพาะ จากสถาบัน AIT ระดับ Doctor ผม ดร.สมชาย หัชลีฬหา ซึ่งก่อนหน้านี้ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจธุรกิจขาย ตรงเท่าไรนัก ด้วยธุรกิจที่ผมเริ่มต้นในธุรกิจขายตรงคือ บริษัทเจริญโอสถ มีการใช้ระบบและใช้ช่องทางการจัดจำหน่ายทางขายตรง จากประสบการณ์ และการทำวิจัยที่ผ่านมา ทำให้ผมเข้าใจว่า พฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันในขายตรงนั้น มีความแตกต่างและละเอียดอ่อนกว่าผู้บริโภคโดยทั่วไป

วันนี้ความรู้ที่ผมจะให้กับผู้อ่านทุกท่านซึ่งผมถือว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและผู้จำหน่ายอิสระนั่นก็คือ "อะไรเป็นกุญแจ แห่งความสำเร็จในธุรกิจขายตรงที่จะประสบ ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน" ซึ่งถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่สำคัญทำให้ทุกท่านได้เข้าใจถึงพฤติกรรมและการตัดสินใจของผู้บริโภคในธุรกิจขายตรง และที่หลายคนสงสัยว่าธุรกิจขายตรงนั้นดีอย่างไร และแตกต่างอย่างไรกับธุรกิจทั่วไป หรือที่หลายท่านรู้จักในช่องทาง Modern trade อาทิ การจัดจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ที่มี out let เพื่อจัดจำหน่ายสินค้า ของตนเอง แต่ช่องทางขายตรงนั้นมีความแตกต่างตรงที่เป็นการจัดจำหน่ายโดยอาศัยผู้จำหน่ายอิสระ ที่เป็นผู้สร้างระบบเครือข่าย อาศัยการบอกต่อของสมาชิกที่เข้ามาเป็นเครือ ข่ายให้ไปบอกต่อ และสามารถทำให้คนที่ถูกบอกต่อนั้นได้ตัดสินใจมาซื้อสินค้าและเข้ามาเป็นสมาชิกในเครือข่าย

ปัญหาของธุรกิจขายตรงในการบอกต่อนั้นก็คือ วิธีการบอกต่ออย่างไรให้มีประสิทธิภาพ บอกต่ออย่างไรให้ตัดสินใจ ข้อสำคัญบอกต่อแล้วทำให้คนนั้นรู้สึกว่า เป็นอนาคตและความหวังที่จะบอกต่อตลอดไปให้เครือข่ายนั้นเติบโตยิ่งขึ้น และมีความมั่นคงตลอดไป ถ้าทุกคนได้คิดอย่างนี้และได้ทำอย่างนี้

ผมเชื่อว่าไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาทำธุรกิจ ขายตรงก็สำเร็จได้ แต่ในองค์ประกอบนั้นไม่ได้มีแค่การบอกต่ออย่างเดียว ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ ซึ่งมีสาระสำคัญที่จะทำให้ผู้คนที่เข้ามานั้น ตัดสินใจง่ายและเชื่อในการนำเสนอในการบอกต่อของผู้ที่แนะนำว่าสิ่งที่ผู้แนะนำนั้น เป็นไปได้จริง สามารถทำให้ผู้ที่รับฟังเข้ารับฟังและตัดสินใจทำอย่างทุ่มเทด้วยแรงกาย แรงใจ

การทำธุรกิจขายตรงนั้นจะต้องอาศัยการตลาดเป็นหลัก ซึ่งวันนี้จะกล่าวถึง “Mar-keting Mix” คือส่วนผสมทางการตลาด ที่นักการตลาดนำมาใช้และวิเคราะห์ว่าจะทำการ ตลาดให้ประสบความสำเร็จอย่างไร แล้วมีองค์ ประกอบอะไรบ้าง ถึงจะประสบความสำเร็จในธุรกิจหรืออาชีพนั้นๆ

ซึ่งปัจจุบันนี้การตลาดได้เปลี่ยนไปอย่างมาก ถ้าจะสำเร็จคงต้องมีเครื่องมือมาเสริมมาก มาย ผมจึงอยากจะนำเสนอ แนวความคิดที่นักการตลาดในปัจจุบันน่าจะได้ลองพิจารณารูปแบบของส่วนผสมการตลาดแบบใหม่ หรือที่เรียกว่า “New Marketing Mix” ผมเชื่อว่าจะมีความสอดคล้องที่จะสามารถใช้ขยายผลหรือแม้แต่การใช้แผนการตลาดแบบเดิมนั้นอาจไม่เพียงพอ

ซึ่งการตลาดแบบเดิมคือ 4P’s แต่สิ่งที่ผมอยากนำเสนอเพิ่มเติม คือ 4C’s ซึ่งเป็นแนวความคิดใหม่ทางการตลาด แต่หากใช้การตลาดแบบเดิมจะทำให้ไม่ประสบความสำเร็จได้มากนัก ดังนั้นการนำมาผสมผสานกันซึ่งจะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น ซึ่ง 4P’s ได้แก่

1. Product,

2. Price

3.Place

4.Promotion คือการตลาดแบบเก่า

แต่จะนำมาต่อยอดกับการ ตลาดแบบใหม่คือ 4C’s ได้แก่

1.Customer need, Cost to customer

2.Convenience

3.Communication

แต่ละ C นั้นจะมีส่วนเกี่ยว ข้องกับแต่ละ P ซึ่งจะผสมผสานกันอย่างลงตัว ดังตัวอย่างด้านล่างนี้

เราจะมาขยายความให้มีความเข้าใจมาก ขึ้นในแง่การตลาด ของส่วนผสมทางการตลาด แบบใหม่เริ่มที่

C ตัวแรก Customer need หรือ Product วันนี้อยากให้มองถึงการผลิตสินค้าสัก 1 รายการ ต้องมองถึงความต้องการของลูกค้า เป็นหลัก หากจะนำสินค้ามาจำหน่าย สินค้านั้นเป็นที่ต้องการหรือไม่ โดยเฉพาะถ้าทำให้สินค้านั้นเกิดเป็น Demand ได้ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะแค่ลูกค้าต้องการสินค้าแต่ไม่มีความจำเป็น ก็อาจไม่ได้รับความสนใจ ซึ่งจะต้องประกอบไปด้วยคุณภาพ คุณประโยชน์ของการใช้สินค้า และมีจุดเด่นด้านความต้องการมากกว่าสินค้าในท้องตลาดก็สามารถจะเพิ่มความต้องการของลูกค้าได้สูงขึ้น เมื่อนั้นสินค้าก็จะขายได้

Cost to customer หรือ Price นั้นปัจจุบันลูกค้ามักจะกังวลและพิจารณากับราคา เป็นหลักเพื่อตัดสินใจที่จะซื้อสินค้า ปัญหามีอยู่ว่า ถ้าเรามีคู่แข่งทางการตลาดมาก ในขณะ ที่สินค้าถ้าหากเราสามารถผลิตควบคุมต้นทุนที่ต่ำป้อนสู่ตลาดได้ คือการทำให้ลูกค้าพึงพอใจในราคาสินค้าต่อสิ่งที่ได้รับ หรือจะพูดว่าสิ่งที่ลูกค้าต้องการนั้นคือคุณค่าของผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเมื่อเทียบกับราคาว่าเหมาะสมกันหรือไม่ หรือมูลค่าของเงินที่จ่ายไปคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มาหรือไม่ ถ้าไม่คุ้มค่าลูกค้าก็ไม่ตัดสินใจ

จะเห็นว่าการตลาดยุคใหม่จะให้ความสำคัญด้านต้นทุนทางการตลาดพร้อมกับคุณภาพสินค้าเป็นอย่างมาก จึงจะทำให้อยู่เหนือคู่แข่งได้

Convenience หรือ Place ถ้าเทียบในยุคปัจจุบัน ในการเดินทางไปเลือกซื้อสินค้าแต่ละครั้งนั้นจะต้องมาจาก Location เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันแพงขึ้น เดินทางไม่สะดวก ความเร่งรีบและการจำกัดเรื่องของเวลา จะเห็นว่า convenience store เกิดขึ้นมากมายเพราะการตอบสนองความต้องการลูกค้า

แต่ปัญหาของธุรกิจขายตรงนั้นคือการขยายสาขาหรือ out let มากๆ นั้นอาจจะต้องมีต้นทุน จึงอาจไม่สามารถทำไปพร้อมกันได้ แต่ถ้าเราสามารถนำเทคโนโลยีมาช่วยได้ เช่น E-Business or E-commerce เมื่อสิ่งเหล่านี้อำนวยความสะดวกได้ ให้มีเครื่องมือทันสมัยในการเพิ่มช่องทางการขยายงานได้จำนวนมาก สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้ลูกค้ามีความเข้าใจในการทำธุรกิจ และทำให้ธุรกิจง่ายมากขึ้น

Communication หรือ Promotion การที่จะโปรโมทหรือนำเสนอเพื่อให้ลูกค้าได้รับรู้เรื่องราวของบริษัท ส่วนใหญ่บริษัทจะใช้การโฆษณา ประเด็นสำคัญคือจะโฆษณาอย่างไร หรือการสื่อสารแบบไหนที่จะให้ลูกค้าได้เข้าใจและสามารถนำเสนอสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าเชื่อว่าสินค้าและบริการของบริษัทนั้นๆ เป็นที่ยอมรับดังนั้นรูปแบบการโฆษณาจึงต้องอาศัยการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ ที่จะสื่อและให้การบริการนั้นเข้าถึงลูกค้า

ปัจจุบันธุรกิจขายตรงที่ทำกันอยู่ส่วนมากจะเน้นเรื่องการสื่อสารของสมาชิกสู่สมาชิก แต่ถ้าไม่มีเครื่องมือช่วย การสื่อสารถือเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ เพราะปัญหาคือการนำเสนอที่จะทำอย่างไรให้ลูกค้าเข้าใจถึงคุณค่าสิ่งที่ต้อง การและได้มาคุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไป ทุกธุรกิจจะต้องมองเรื่องการสื่อสารเป็นหลักซึ่งมีหลายช่องทาง เช่น

PC to PC (การสื่อสารทางคอมพิวเตอร์ กับคอมพิวเตอร์)Voice to Voice (การสื่อสารทางเสียง)

ในขณะที่ Face to Face เป็นการนำเสนอโดยใช้การไปพบปะและมีการพูดคุยถึงสิ่งที่จะนำเสนอ

ถ้าบริษัทใดมี Software หรือเทคโนโลยี ที่สามารถทำให้การสื่อสารระหว่างสมาชิกสู่สมาชิก หรือสมาชิกสู่บริษัทให้สามารถเชื่อมโยงกันได้และเข้าถึงซึ่งกันและกันได้ก็จะยิ่งทำให้การบอกต่อในธุรกิจขายตรง สามารถสร้างฐานลูกค้าได้ง่ายขึ้น และเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ต้นทุนต่ำลง

ซึ่งผมอยากเน้นย้ำเรื่องนี้ เพราะเป็นช่องทางที่ได้ผลและเป็นช่องทางหลักในธุรกิจขายตรง เป็นที่มาของการนำเสนอ ที่มาของบริษัท สินค้า ตลอดจนการบริการ แม้แต่ Promotion ต่างๆ ทั้งหมดนี้จะเห็นว่าการสื่อสารก่อให้เกิดความเชื่อมั่น การใช้เครื่องมือสื่อสารทำให้บริษัทขยายผลต่อยอดธุรกิจได้ไม่ยาก

สำหรับทั้ง 4 C’s นั้น ผมอยากนำเสนอในแง่การตลาดขายตรง ถ้าหลายคนเข้าใจอย่างถ่องแท้ และรู้วิธีการ และการนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จากแนวความคิดใหม่ของ 4 C’s หากนำไปใช้จะประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก แต่เรื่องของ 4 C’s ยังไม่จบเพียงแค่นี้ ฉบับหน้าผมจะมาขยายผลในเรื่องดังกล่าวต่อซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านอย่างมาก

เจริญโอสถฯ กุญแจMLMโตแบบยั่งยืน


กุญแจMLMโตแบบยั่งยืน
'สมชาย'ทุ่มสุดชีวิตทำบทวิจัยหาคำตอบ

"สมชาย หัชลีฬหา" บิ๊กบอสค่ายเจริญโอสถฯ ทุ่มศึกษางานวิจัยขายตรงสุดชีวิต หวังไว้เป็นตำราพิชัยยุทธ์ให้คนเครือข่ายรุ่นหลังได้ใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินธุรกิจอย่างถูกวิธี คาดต้นปีหน้ามีผลงานโชว์ เป้าหมายเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมนี้ให้เป็นที่ยอมรับ มุ่งประทับตราสู่ความยั่งยืนและมั่นคง

นายสมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค จำกัด เปิดเผย "ตลาดวิเคราะห์" ว่า ขณะนี้กำลังทำงานวิจัยในระดับด็อกเตอร์มหาวิทยาลัยสถาบัน AIT (Asian introduce of Technology) เกี่ยวกับเรื่อง Key Success For Sustainable MLM Business (กุญแจสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจ MLM เติบโตแบบยั่งยืน) สถาบัน AIT สอนเฉพาะระดับปริญญาโท และปริญญาเอกเท่านั้น ซึ่งเป็นที่ยอมรับระดับเวิลด์ไวด์ มีสาขาหรือมีมหาวิทยาลัยอยู่ทั่วโลก เมื่อปีที่แล้วก็ติดอันดับ 1 ใน 3 ของอาเซียนเป็นมหาลัยชั้นดี เหตุผลที่เลือกมหาวิทยานี้ เนื่องจากสอนด้วยโปรไวเซอร์ทั้งหมด
"งานวิจัยที่ผมให้ความสนใจเป็นพิเศษ ก็คือ "ศึกษาปัญหาของขายตรง" เพราะที่ผ่านมา คนมักพูดว่า เป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง หรือเป็นอาชีพที่อายุสั้น มีคนที่ประสบความสำเร็จน้อยเพียง 20-25% เพราะว่ามันเป็นเชิงปิระมิด คนที่จะประสบความสำเร็จเป็นคนที่อยู่ข้างบนเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วทุกปัญหานั้นมีความลับของมัน ขณะเดียวกันเราก็สามารถแก้ไขมันได้หมด แต่จะแก้อย่างไร ตรงนี้ต้องทำการวิจัย ค้นหาข้อมูล ค้นหาความลับของมัน จึงเป็นเหตุให้อยากจะเข้ามาศึกษาให้รู้ถึงปัญหาตรงนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการทำวิจัย และในต้นปีหน้าก็คงจะสำเร็จพร้อมจบหลักสูตร"
นายสมชาย กล่าวต่อไปว่า ที่ไปเรียนนี้มิใช่เป็นเพราะว่าอยากจะมีชื่อนำหน้าว่า ด็อกเตอร์เพียงอย่างเดียว หรือจะนำวุฒินี้เพื่อไปทำอย่างอื่น แต่หลักจริงๆ แล้ว ต้องการที่จะวิจัยว่า ที่จริงแล้วปัญหาที่เราได้เจอสามารถจะหาบทสรุปได้หรือไม่ว่า สิ่งที่คิด ปัญหาต่างๆ ที่ทุกคนได้พบนั้น หรือปัญหาที่ทุกคนรู้ เหมือนที่เรารู้ว่าควรจะแก้อย่างไร นี่คือ เหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจที่เข้ามาศึกษาว่าจะนำสิ่งเหล่านี้ไปทำ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อไป
ต้องยอมรับว่า รูปแบบธุรกิจขายตรงในประเทศไทย จะเป็นในรูปแบบของการเลียนแบบกัน หรือมาจากการถ่ายทอดกันมาของผู้ที่เริ่มเข้ามาในธุรกิจขายตรงที่คอยเป็นแม่แบบ มีครูไม่กี่คนในสาขาอาชีพนี้และที่เก่งจริงๆ ก็เกิดจากการเรียนรู้ที่สร้างกันขึ้นมากันเป็นธรรมเนียม และเชื่อว่าธรรมเนียมนี้สามารถเปลี่ยนแปลงกันได้ ตามสภาวการณ์เปลี่ยนแปลงของสังคม เศรษฐกิจการเมือง เช่น ถ้าบอกว่ามีเทคนิคการขายที่เก่ง แต่ก็ค้นพบว่าคนที่เป็นนักโมติเวท เก็บเอาประสบการณ์จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ จากผู้ที่อยู่ในอดีตว่า เขามีเทคนิคมากมาย และก็มาอธิบายว่าจะนำเอาเทคนิคนี้มาใช้ให้ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน
"อย่าลืมว่าเทคนิคที่ประสบความสำเร็จในอดีต เมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว มาเขียนเป็นตำรา และนำมาศึกษากัน มันใช้ได้ผลจริงใจปัจจุบันหรือไม่ ยิ่งเมื่อเทคนิคในวันนั้นกับตอนนี้มันต่างกันโดยสิ้นเชิง เมื่อวันนั้นคุณได้ขายสินค้าที่ไม่มีเทคโนโลยี แต่มาวันนี้คุณต้องขายสินค้าที่มีเทคโนโลยี เทคนิคการขายก็คงไม่เหมือนกัน หรือพฤติกรรมของผู้บริโภคในอดีตและปัจจุบันก็ต้องแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เช่น ในอดีตอาจเป็นการที่ต้องมีการสาธิตให้เห็น และชี้ให้เห็นว่ามีประโยชน์อย่างไร แต่ในยุคดิจิตอลการสาธิตอาจไม่จำเป็น ขอให้มีบทวิจัยที่ดี และเป็นที่ยอมรับ แต่ที่สำคัญเป็นข้อมูลที่ผู้บริโภคได้รับรู้ หรือมีความเป็นได้ว่า สามารถที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่า เป็นสิ่งที่ดีกว่า ถูกกว่า และแตกต่างกันอย่างไร"
ดังนี้ เมื่อใครมีเทคนิคในอดีต เขาจึงไม่สามารถที่จะนำมาใช้ได้ทั้งหมด เทคนิคในการพูดโน้มน้าวจิตใจ ในแง่ของความตั้งใจ อารมณ์ ความรู้สึก ความจริงใจต่อลูกค้า การปิดการขายหรือ การพูดที่ใช้คำสละสลวยอาจจะใช้ได้ แต่ในแง่ของเทคนิคที่จะนำเสนอในรูปแบบใหม่ ที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจ อาจจะนำส่วนที่อยู่ในอดีตมาใช้ในปัจจุบันไม่ได้
นายสมชาย กล่าวอีกว่า เมื่อเข้ามาในธุรกิจขายตรงแล้วได้ค้นพบว่า ผู้ที่ประสบความสำเร็จจะเข้ามาบอกว่า ต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่านี้ถึงจะประสบความสำเร็จ แล้วก็ได้ทดลองทำตามที่บอก เมื่อได้ลงมือทำแล้วก็พบว่าไม่ได้ประสบความสำเร็จ 100% อย่างที่เขาได้แนะนำ เพราะว่าหัวใจของการทำธุรกิจเครือข่ายให้ประสบความสำเร็จ ต้องเข้าใจคุณสมบัติ และความหมายที่แท้จริงก่อนว่า คำว่า ธุรกิจเครือข่าย คือ การขายและก็ขายไปเรื่อยๆ เพื่อให้ปิดการขายได้ แต่การทำขายตรงวันนี้ไม่ใช่แค่การขาย บริษัทที่สำเร็จจากการขาย เพราะต้องการที่จะกระจายสินค้า และต้องมีสินค้าใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ ในรูปแบบมาร์เก็ตติ้งแอพโพรสต์ (Approach -การเข้าถึง) คือ การเปิดใจลูกค้าเพื่อที่จะให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้า
แต่เมื่อได้เข้ามาในธุรกิจขายตรงสิ่งที่คิดแตกต่าง และเป็นนวัตกรรมใหม่ที่คิดค้นว่าอะไรที่ทำให้คนขายตรงมั่นคง นั่นคือ การสร้างเครือข่าย เหมือนที่หลายๆ คนได้พูดกันว่า ในวันนี้ธุรกิจขายตรง คือ การสร้างเครือข่าย แต่หลายคนก็เข้าใจในความหมายผิดไป ต้องเข้าใจก่อนว่าเครือข่ายที่ได้สร้างขึ้นมานั้น ได้ทำให้เกิดประโยชน์ต่อเนื่องหรือไม่ คุณสร้างเครือข่ายอาจได้แค่ชั่วครั้ง ชั่วคราว แต่ว่าการที่จะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายจริงๆ ต้องมองว่าเครือข่ายวันนี้ ต้องมีประโยชน์ไม่ต่างจากเครือข่ายของอินเตอร์เน็ต หรือเครือข่ายของมือถือ คือ ต้องสะดวกและไปที่ไหนก็ได้ ที่เขาบอกว่า ทุกที่ ทุกเวลา ที่มันสะดวกสบาย
"ผมจึงอยากจะให้คำจำกัดความของคำว่า เครือข่าย ในแง่ที่ว่า เมื่อผมได้ตัดสินใจเข้ามาในธุรกิจขายตรง แล้วค้นพบว่า ถ้าเราจะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้อันดับแรก คือ ต้องคิดถึงการสร้างเครือข่าย ไม่ใช่แค่การขายธรรมดา การขายเป็นแค่การเปิดใจ แต่เมื่อเปิดใจลูกค้าแล้วจะต้องทำอย่างไรถึงจะให้ลูกค้าอยู่กับเราตลอดไป ต้องผูกมัดหรือเชื่อมโยงด้วยเครือข่าย ความหมายของ เครือข่าย คือ การทำอย่างไรให้เครือข่ายที่เราสร้างนั้นต้องขยายแบบไร้ขีดจำกัด เมื่อขยายไปทุกครั้งแล้วต้องไม่มีใครปฏิเสธ เพราะทุกคนได้เห็นประโยชน์ในเครือข่ายนั้น"
การขยายเครือข่ายนั้นต้องได้ประโยชน์ร่วมกัน แบบเสมอภาคและเป็นแบบที่พึงพอใจ เมื่อนั้นเครือข่ายจะเกิดประโยชน์สูงสุดไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในเครือข่าย หรือผู้ที่ยังไม่ร่วมอยู่ในเครือข่ายเล็งเห็นประโยชน์ เครือข่ายก็จะขยายตัวอย่างไม่รู้จบ และไม่มีขีดจำกัด เพราะมีคนเห็นประโยชน์และคุณค่าก็เดินเข้ามาในเครือข่าย เช่น คุณรู้ว่าโทรศัพท์เครือข่ายที่ไหนดีคุณก็เลือกตัดสินใจไปเป็นผู้ใช้ระบบมือถือของเครือข่ายนั้น ถ้าเครือข่ายไหนไม่ครอบคลุมคุณก็จะเลิกใช้เครือข่ายนั้น เหมือนกับอินเตอร์เน็ตถ้าเว็บไซต์ไหนที่ให้ประโยชน์ คุณก็จะเข้าเว็บไซต์นั้น และก็เข้าไปแอคเซสในการหาข้อมูลเพื่อดูข้อมูลและได้ประโยชน์จากข้อมูลนั้นๆ
ฉะนั้น เครือข่ายต้องสามารถสร้างประโยชน์ร่วมกันได้ เครือข่ายต้องไปที่ไหนก็ได้ แล้วเป็นเครือข่ายที่มีประโยชน์ที่ทำให้คนสนใจอยากเข้ามาร่วม นั่นถึงจะเรียกว่า เครือข่ายที่แท้จริง ปัญหา คือ ถ้าอย่างนั้นเราต้องค้นหาก่อนว่าเครือข่ายที่เราสร้างนั้นเป็นเครือข่ายที่มีคุณสมบัติตามนั้นจริงหรือไม่
"ย้อนไปเมื่อ 5-6 ปี ที่ผ่านมา ผมเรียนรู้อะไรจากขายตรง ผมเรียนรู้ปัญหามากมาย และค้นพบว่า ถ้าจะสำเร็จต้องคิดแบบเครือข่าย และถ้าคิดแบบเครือข่ายมันก็จะมีข้อที่แตกต่างกันกับวิธีคิดแบบขายตรง และค้นพบลึกๆ ลงไปอีก จึงเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้คนไม่สำเร็จในขายตรง และเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้ขายตรงคู่กับคำว่า ไม่จริงใจ หรือคำว่า ไม่ยั่งยืน"
ถ้าจะให้เข้าใจง่ายๆ คือ คนมองว่าขายตรงไม่น่าเชื่อถือ โดยพ่วงคำว่าหลอกลวงเข้าไปด้วย ความรู้สึกเหล่านี้มันจะก้องอยู่ในหูของผู้คน ฉะนั้น ผู้นำองค์กรจึงจำเป็นต้องสร้างความเชื่อถือ ว่าขายตรงคืออาชีพที่น่าเชื่อถือ ให้ผู้คนมีความรู้สึกว่า เหมือนกับเดินเข้าไปซื้อของในห้างฯ และรู้สึกว่า สินค้าในห้างฯ เป็นของดีมีคุณภาพ หรือการที่เรานำเงินไปฝากแบงก์ เราได้แค่สมุดฝากเงินมา 1 เล่ม แต่เรากลับชื่อถือแบงก์ว่า ไม่โกงแน่ ขายตรงยุคใหม่และในอนาคตจะต้องสร้างความไว้วางใจให้กับผู้บริโภคมากถึงขนาดนั้น
อย่างในอดีต ดาวน์ไลน์มักจะมองแต่อัพไลน์เป็นแม่แบบ ไปยึดติดตัวบุคคลมากเกินไป ทั้งที่คนเราอุปนิสัยก็ไม่เหมือนกัน สิ่งแวดล้อมก็ต่างกัน จึงพบว่า ถ้าไม่มีการพัฒนาตัวเองให้เหมาะกับสิ่งแวดล้อมที่ตนเองอยู่ คนนั้นก็สำเร็จถึงขั้นสูงสุดยาก เมื่อโลกขายตรงเปลี่ยนแปลงไป คนเริ่มไม่ยึดติดอัพไลน์มากเกินไป และคนเริ่มหารูปแบบใหม่ๆ มาใช้ในการขยายเครือข่าย จะเห็นว่าคนรุ่นใหม่ประสบความสำเร็จในอาชีพอย่างรวดเร็วในปริมาณที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
"ไม่ว่าอัพไลน์จะเก่งแค่ไหน หากโปรดักส์ไม่ดี โปรเซสไม่ดี เหมือนเราบอกว่า เรามี 3 P 1. เรามีคน แต่โปรดักส์กับโปรเซสไม่ดี ถามว่าคุณจะเก่งแค่ไหนคุณอยู่ผิดที่ก็ไม่สำเร็จ เพราะฉะนั้นคำว่า บริษัทขายตรงจึงมีความแตกต่างกันที่ว่า มีองค์ประกอบของความสำเร็จไม่เหมือนกัน ซึ่งในอดีตเขาบอกว่า โปรดักส์ดี บริษัทดี และคุณเป็นคนเก่งก็สามารถสำเร็จได้ แต่คำว่า ดี ของบริษัทต้องดูว่าวันนี้ไม่ใช่แค่บริหารดีอย่างเดียว ต้องมีเครื่องมือแข่งขันที่ทันสมัย หรือ Competency ความสามารถที่แข่งขันได้อย่างเดียวไม่พอ มันต้องพูดถึงคำว่า ความสามารถแข่งขันที่แตกต่างแล้วชนะได้ นั่นคือความแตกต่างของธุรกิจ หมายถึง ความได้เปรียบในเชิงแข่งขันนั่นเอง"
ฉะนั้น การทำวิจัยที่กำลังดำเนินการอยู่นั้น จำเป็นต้องมองปัญหาต่างๆ ของขายตรงว่ามีอะไรบ้าง และมีวิธีแก้ไขอย่างไร ทั้งหมดนี้เราต้องเก็บข้อมูลเพื่องานวิจัย ว่าสิ่งที่เรากำลังหาเครื่องมือมาวัดว่า ใช่หรือไม่ เพราะผลงานเชิงวิชาการจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาของธุรกิจขายตรงไทย
"ปัจจุบันเท่าที่ดูมายังไม่เห็นมีใครศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงๆ จังๆ ผมก็เลยอยากจะทำงานด้านวิจัยในเรื่องนี้ไว้เป็นบรรทัดฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในเชิงวิชาการ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับอุตสาหกรรมขายตรงไทยโดยรวม" นายสมชาย กล่าวปิดท้าย

'เจริญโอสถฯ'ฟอร์มเหนือชั้น กระชับมั่นพันธมิตรเปล่งรัศมีผู้นำเครือข่าย


'เจริญโอสถฯ'ฟอร์มเหนือชั้น
กระชับมั่นพันธมิตรเปล่งรัศมีผู้นำเครือข่าย

"เจริญโอสถฯ" เดินเครื่องสร้างความแกร่ง หนึ่งเดียวในแวดวงขายตรงไทยที่ใช้ฐานพันธมิตรมากที่สุด "สมชาย หัชลีฬหา" ชี้! ธุรกิจเครือข่ายยุคใหม่ต้องขายความรู้ ขายนวัตกรรม ผู้นำต้องรู้จักแสวงหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ แผนการตลาดต้องง่ายไม่ซับซ้อน สินค้าต้องมีความหลากหลาย...อย่าง "เจริญโอสถฯ" ที่ยืนภายใต้คอนเซ็ปต์ "เรามีทุกอย่างที่คุณมี เราจะไม่ให้ใครขายถูกกว่า"

นายสมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค จำกัด เปิดเผยกับ "ตลาดวิเคราะห์" ว่า บริษัทฯ ได้ขยายไลน์สินค้าหลากหลายมากขึ้น ล่าสุดได้จับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท ดร.สาโรชฯ ยุคนี้บริษัทขายตรงไม่ควรมองค่ายอื่นเป็นคู่แข่ง แต่เราต้องมองว่าตรงไหนพอที่จะร่วมกันพัฒนาและส่งเสริมยอดขายร่วมกันได้ บางรายก็เอาสินค้ามาให้เราช่วยขาย จะเป็นแบรนด์เขา หรือแบรนด์เราก็ได้ ขึ้นอยู่กับการนำเสนอ เพราะเจตนาของเราคือทำเรื่องของระบบ เราไม่ได้แคร์ว่าแบรนด์ไหน เราเพียงแต่ให้ลูกค้ามีความสะดวกในการซื้อ ก็เหมือนกับห้างฯๆ หนึ่ง ให้ลูกค้าเลือกว่าจะซื้อสินค้าถูกหรือแพง ฉะนั้น ความหลากหลายตรงนี้แหละจึงเป็นนโยบายของ เจริญโอสถฯ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ขาดว่าลูกค้าควรจะเลือกสิ่งที่พร้อมกว่าหรือไม่อย่างไร

ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้จับมือเป็นพันธมิตรกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย อย่างเช่นประกันก็มี บริษัท อาคเนย์ฯ, AACP, กรุงไทยแอกซ่า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสมมชิกในเรื่องของ พ.ร.บ.รถยนต์ เรื่องวินาศภัย และ อุบัติเหตุต่างๆ

นอกจากนี้ เรายังจับมือกับบริษัทขายตรงที่เอาสินค้ามาให้เราช่วยขาย เราจับมือกับ Supplier (ผู้ผลิต) บางราย อย่างเช่น แม็คโคร, บริษัทซันคัลเลอร์ บริษัทในเครือสหพัฒน์ฯ รวมไปถึงการจัดหาสินค้าให้เรา นับรวมถึงโลจิสติกส์ด้วย นอกจากนี้ เรายังร่วมค้ากับบริษัทที่เป็นผู้ผลิตสินค้าให้กับวัตสันด้วย โดยที่เขาเข้ามาผลิตเฮ้าส์แบรนด์ให้เรา ศึ่งเป็นสินค้าประเภทเดียวกับวัตสัน หรือ การจับมือกับ Supplier บางที่ที่เขามีสินค้าอยู่ในท้องตลาด อย่างแบรนด์ของแอร์โร วาโก้ บีเอสซี ฯลฯ เราก็มีสินค้าพวกนี้เข้ามาเหมือนกัน

"ทั้งหมดนี้เอาเข้ามาอยู่ในระบบเครือข่ายของเจริญโอสถฯ ในนามร้านจอยมาร์ท และในอนาคตจะพัฒนาจากจอยมาร์ท เป็นร้านสะดวกซื้อเป็นมาร์ทขนาดใหญ่ จะเป็นซุปเปอร์มาร์ท ซึ่งขณะนี้เป็นมินิมาร์ทอยู่ แต่ในอนาคตได้มีการวางแผนให้เป็นดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ อันนี้ก็เป็นแนวความคิดที่จากเล็กไปหาใหญ่ และก็จากน้อยไปหามาก เพื่อความหลากหลายที่เพิ่มขึ้น"

นายสมชาย กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้ธุรกิจเครือข่ายได้พัฒนาการไปไกลมาก หากใครติดตามไม่ทันก็จะเสียโอกาส ปัจจุบันจะเห็นว่าอุตสาหกรรมนี้ได้แบ่งเป็น 2 ฝ่าย คือ 1. ฝ่ายที่มุ่งหานวัตกรรมใหม่ๆ มานำเสนอกับลูกค้า ด้วยการไปหาน่านน้ำใหม่ๆ ลูกค้าใหม่ๆ ที่เรียกว่า "บลูโอเชี่ยน" กลุ่มนี้จะเป็นฝ่ายได้เปรียบกว่า เพราะว่าเป็นตลาดที่ใหญ่กว่า มีการพัฒนามากกว่า ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะไรก็แล้วแต่จะต้องทำรีเสิร์ชข้อมูล ถ้าบริษัทใดไม่มีการทำก็เหมือนกับว่ารอวันตาย เพราะการทำธุรกิจจะเป็นในลักษณะเข้าข่ายกินหางตัวเองไปเรื่อยๆ สับสนในการแข่งขัน ไม่รู้ว่าจะขายอะไร แข่งขันอย่างไร แล้ววันหนึ่งก็จะตายไปเอง

เมื่อคนในองค์กรไม่มีความคาดหวัง พวกเขาก็คงไม่อยู่เหมือนกัน แต่โดยระบบจะมีทั้งคนที่เข้าใจและไม่เข้าใจ จึงได้ให้ความสำคัญอยู่ 3 เรื่อง คือ 1. โปรดักส์ 2. โพรเซส 3. พีเพิล ในอดีตคนจะเน้นที่คำว่า "คน" คน ก็คือ คนในขายตรงถูกปลูกฝังด้วยวิธีการเดิมๆ เขาจะมองที่ระบบของเขาที่ไม่ได้เป็นโพรเซส แต่จะมองที่เป็นระบบเดิมๆ ซึ่งมันก็ต้องทำเป็นแบบเดิมๆ

เนื่องจากโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และเริ่มเข้าสู่ยุคโกลบอล ไลเซซั่น คือ มันเสรีและหมุนเวียนกันไปหมด ข่าวสารที่นำเสนอมันมาทุกวัน ซึ่งตอนนี้เป็นเรื่องที่เทคโนโลยีใกล้ตัวเรามาก คุณอยากซื้ออะไร มันก็มาหาคุณทันที เพราะมีความหลากหลายและมีการนำเสนอมาก ถ้ายังยืนอยู่กับที่ในระบบเก่าๆ ไม่สามารถที่จะเชื่อมโยงกับโลกอนาคตระบบใหม่ได้ ตอนนี้ไลฟ์สไตล์มันเปลี่ยน คนเก่าๆ หากไม่พัฒนาแนวคิดใหม่ก็จะอยู่ในองค์กรนั้นไม่ได้ กลไกจะเป็นแรงบีบไปโดยอัตโนมัติ นี่คือ เรื่องน่าห่วงของคนขายตรงที่ใช้วิธีการนำเสนอแบบเดิมๆ

ฉะนั้น เรื่องของโพรเซสจึงมีอยู่ 2 ระบบ คือ ระบบใหม่กับระบบเก่า ดังนั้น คนต้องมีการเรียนรู้เรื่องโนว์ฮาวน์ ต้องมีความรู้ และโนว์เลส การที่เราจะขายสินค้าอะไร ก็ต้องอยู่บนความรู้ที่ถูกต้องไม่ใช่ฮาร์ทเซลล์แบบเดิมๆ ต้องขายด้วยนวัตกรรม ขายด้วยความรู้ เหมือนกับเป็นผู้เชี่ยวชาญ และมีระบบมารองรับว่า นอกจากสิ่งที่คุณนำเสนอมันดีแล้ว สิ่งที่จะมารองรับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีก็ดี เรื่องความสะดวก หรือความหลากหลาย เป็นตัวซัพพอร์ตเหล่านี้เป็นจุดสำคัญทั้งสิ้น

นายสมชาย กล่าวอีกว่า อย่างกรณีที่เจริญโอสถฯ ได้จับมือกับแบงก์ เทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ทันที เราไปร่วมมือกับบริษัทขายประกันที่มีซอฟต์แวร์ มันก็สามารถเชื่อมกันได้ทันที นี่คือ ระบบที่มีคนต่างยอมรับว่าเป็นสากล แต่ไม่ใช่ระบบที่มีการบอกว่ารีครูทกันแบบไหน ระบบเทรนนิ่งแบบไหน

ถ้าจะพูดถึงการได้มาของสมาชิกในอดีต การสร้างลูกค้าใหม่ด้วยระบบเก่าๆ การรักษาลูกค้าด้วยระบบเก่าๆ แต่ยุคนี้ต้องพูดถึงว่า จะมีกลยุทธ์อย่างไรในการหาลูกค้าใหม่ ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่ ถ้าคุณไม่มีลูกค้าใหม่ และมีรายได้เข้ามา ลูกค้าเก่าๆ หรือ CEO เก่าๆ ก็คงจะอยู่ไม่ได้ เพราะเขาบอกว่าทุกอย่างมันเป็นปิรามิดหมด คุณจะเป็นบริษัทไหนหรือองค์กรไหน คุณต้องหาองค์กรมาต่อฐาน เพื่อให้ปิรามิดมันสูงขึ้น ฐานใหญ่ขึ้น นั่นหมายถึงฐานองค์กรใหญ่ขึ้นนั่นเอง

"มีการตั้งข้อสังเกตว่า เจริญโอสถฯ มีแม่ทีมเคลื่อนย้ายบ่อย แต่ว่ายอดขายก็ไม่เคยตกเลย มีคนถามว่าทำไมมันถึงเพิ่ม ก็ตอบได้ว่ามีปัจจัยที่แข็งแกร่ง ก็คือ 1. กลุ่มลูกค้าซึ่งเป็นบลูโอเชี่ยน 2. บริษัทมีนวัตกรรมใหม่ๆ ไว้เป็นเครื่องมือให้กับสมาชิก 3. บริษัทจับมือกับคู่ค้าใหม่ๆ เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง เมื่อเจริญโอสถฯ สามารถสนองความต้องการใหม่ๆให้กับลูกค้าเกิดความพึงพอใจได้ จึงทำให้ผู้คนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น"

เมื่อเรามีเครื่องมือที่ทันสมัย จึงพบว่า เกิดลูกค้าใหม่ในปริมารณที่เพิ่มขึ้น แม้จำนวนการซื้ออาจน้อยลง/คน แต่เป็นการซื้อที่หลากหลายมากขึ้น กระจายมากขึ้น ซื้อในสินค้าทุกหมวดมากขึ้น นี่คือ สิ่งที่ถูกต้องว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว ก็คือมีการบริโภคจริงไม่ได้มาเพราะกระแส แต่มาด้วยกระแสของความต้องการที่เขาเชื่อมั่นว่าเขาจะได้อะไร ว่าซื้อแล้วจะได้อะไร ทำแล้วจะได้อะไรในอนาคต บริษัทใหญ่ๆ เขาทำกันแบบนี้ทั้งหมด

อย่าลืมนะว่า การบริโภคยุคในนี้ ไม่ใช่การบริโภคแล้วไม่ได้อะไร ไม่ใช่เป็นการที่เราไปสมัครทำธุรกิจแล้วหวังแค่ผลตอบแทน แต่ถามว่าเมื่อคุณจ่ายเงินไปแล้ว คุณได้อะไร สิ่งที่ได้มันคุ้มกับเงินที่คุณจ่ายไปหรือไม่ มันคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหนกับเงินที่ต้องเสียไป ตรงนี่ต่างหากที่ลูกค้าเขานึกถึง ไม่ได้บอกว่าแผนดี ลงทุนไปก่อนแล้วคุณจะได้อะไร แต่คุณไม่ได้มองเลยว่าเขาขายอะไร และคุณได้อะไรมา นี่จึงเป็นประเด็นหนึ่งบริษัทขายตรงยุคใหม่จะต้องนำไปขบคิด

"เดี๋ยวนี้ลูกค้าไม่ได้คิดว่าซื้อเพราะอะไร ขายตรงถ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่าสินค้าของตัวเองเหนือกว่า มีความแตกต่างกว่า และก็ไม่ได้แพงกว่าที่เขาขายกัน แผนดีด้วย ผลตอบแทนดีด้วย ผมคิดว่าคงไม่มีใครที่จะปฏิเสธ"

ดังนั้น เมื่อแผนสอดคล้องกับการขยายงาน ก็ยิ่งทำให้สมาชิกรู้สึกว่าอยากจะไปขยายสายงาน แผนการตลาดที่ดีต้องทำให้รู้สึกว่า เมื่อบริโภคแล้วสามารถนำไปบอกต่อได้ง่าย ไม่ซับซ้อน ถ้าซับซ้อนมากๆ จะยิ่งนำความลำบากใจให้กับสมาชิก เมื่อเขาไปบอกต่อแล้วไม่เข้าใจก็จะเกิดความล้มเหลว ซึ่งยุคนี้มันต้องเร็วๆ ง่ายๆ มีสินค้าหลากหลายให้เลือก

"เราต้องทำอะไรที่ให้เขาเข้าใจง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ไปซื้อง่ายๆ ซื้อที่ไหน อะไรก็ได้ ฉะนั้น คำว่า "ขายตรงสะดวกซื้อ" ของเราคือ การซื้ออะไรก็ได้ อย่าไปคิดว่าต้องซื้ออันนี้เท่านั้นเท่านี้ เพราะคุณไม่สามารถที่จะไปบังคับให้ลูกค้าซื้อสิ่งนั้นสิ่งเดียวได้ตลอดไป เมื่อคุณไปบังคับนานๆ เข้าเขาก็เสียความรู้สึก ในที่สุดเขาก็ไม่อยากจะเจอ ทำให้รู้สึกเครียดไม่ต้องการที่จะซื้อ ท้ายที่สุดก็ไม่เปิดใจ เพราะการเปิดใจที่ดีคือ การเปิดใจแบบธรรมชาติ ฉะนั้น เจริญโอสถฯ จึงมองว่า...เรามีทุกอย่างที่คุณมี เราจะไม่ให้ใครขายถูกกว่า" นายสมชาย กล่าวทิ้งท้าย

ล้วงลึก "เจิญโอสถ" กับแผนกินรวบธุรกิจเครือข่าย


ล้วงลึก "เจิญโอสถ"
กับแผนกินรวบธุรกิจเครือข่าย

“เจริญโอสถฯ” สร้างความระทึกใจให้วงการเครือข่ายไทยตะลึง หลังส่ง “ร้านจอยมาร์ท” ขายตรงสะดวกซื้อรายแรกของไทยลงสนามแข่ง ส่งผลให้ยอดขายพุ่งกระฉูดเดือนละเกือบ 100 ล้านบาท “สมชาย” ชี้เจริญโอสถฯ เดินมาถูกทาง สร้างธุรกิจเครือข่ายที่จับต้องได้ชัดเจน ลบข้อกังขาผู้บริโภคได้อย่างน่าทึ่ง

ดร.สมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ทเวิร์ค จำกัด เปิดเผย “ตลาดวิเคราะห์” ว่า 6 ปีกับการโลดแล่นอยู่ในยุทธจักรเครือข่าย ทำให้ได้มองเห็นอะไรหลาย ๆ อย่างค่อนข้างทะลุปรุโปร่ง อย่างแรกที่ชัดเจนที่สุด คือ การเปิดศูนย์จำหน่ายสินค้าของสมาชิก ในกรณีที่บริษัทมีสินค้าเข้าสู่ระบบน้อยจนเกินไป สถิติที่ผ่านมาหากบริษัทใดก็ตามที่มีสินค้าไม่หลากหลาย ศูนย์จำหน่ายมักจะปิดตัวไปในเวลาอันสั้น

“สิ่งนี้แหละซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ผมต้องคิดค้นหาแนวทางที่จะปิดจุดบอดของขายตรงทั่วๆ ไป เพราะถ้าพูดเรื่องแผนการตลาด ก็คงไม่มีใครเหนือใคร ก็คือ ต้องจ่ายอยู่ภายใต้กลไกที่จ่ายได้ ใครจะไปอ้างว่าจ่ายมากกว่า ก็เป็นแค่เพียงกลยุทธ์ของการตลาดเท่านั้น”

เมื่อเรามองปัญหาของธุรกิจเครือข่ายในอดีตว่า มีจุดบอดหลักตรงนี้ บริษัท เจริญโอสถฯ จึงค้นหาวิธีเพื่อสกัดจุดบอด ผลก็เลยออกมาตรงที่การเปิดศูนย์จอยมาร์ท ซึ่งเป็นขายตรงสะดวกซื้อรายแรกของไทย มีสินค้าทุกอย่างที่ร้านมินิมาร์ททั่วๆ ไปมี และนอกเหนือจากนั้นเราก็มีสินค้าเฉพาะซึ่งอยู่ในระบบเครือข่ายอีกนับร้อยรายการ

ในอดีตบริษัทขายตรงมักจะเดินตามกัน ผลิตสินค้าเลียนแบบกัน หรือไม่ก็คล้ายๆ กัน เอาเรื่องแผนการตลาด เอาเรื่องราคามาคอยบลั๊ฟคู่แข่ง ทำแบบนี้มานับสิบๆ ปี จนผู้บริโภคเริ่มเบื่อกับเกมการตลาดเก่าๆ ยิ่งการเปิดสาขาที่ต้องอาศัยแม่ทีม ลูกทีม สมาชิกที่รู้จักบริษัทดีอยู่แล้วคอยชักชวนคนใหม่เข้าไป ตรงนี้เรามองว่า ค่อนข้างจะมีข้อจำกัด ถ้าเกิดไม่มีคนชวน ลูกค้าใหม่เขาก็ไม่เข้ามา แต่การที่เราเปิดจอย มาร์ทโดยเอาช่องทางร้านสะดวกซื้อ ในรูปแบบโมเดิร์นเทรดมาผสมผสานกับระบบเครือข่าย จึงสามารถตอบข้อสงสัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ชัดเจน เพราะเราสามารถได้ลูกค้าหน้าใหม่ที่เข้ามาใช้บริการในร้านจอยมาร์ทด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีใครชักชวนเข้ามา ตรงนี้ต่างหากที่เรียกว่า ความเหนือชั้นที่เรามีมากกว่าบริษัทขายตรงทั่วๆ ไป

“เมื่อต้องการสมัครเป็นสมาชิกเพื่อทำธุรกิจ แค่เริ่มต้นเพียง 450 บาท หลังจากนั้นอยากซื้ออะไร ช้อปอะไรก็ได้ทั้งหมด มีการสะสม คะแนน หรือพีวี ถ้านึกถึงธรรมชาติขายตรงทั่วๆ ไปที่เปิดศูนย์จำหน่าย ก็จะมีสินค้าไม่กี่รายการ ผู้บริโภคมีเพียงสมาชิกหน้าเก่า ส่วนสมาชิกหน้าใหม่ถ้าไม่มีคนแนะนำมาเขาจะไม่เข้า ขณะที่ร้านจอยมาร์ทของเจริญโอสถฯ ซึ่งมีสินค้าหลากหลายกว่า 4,000 รายการ ผู้บริโภคใครก็ได้สามารถเดินเข้ามาใช้บริการได้ทั้งหมด ไม่มีการบังคับว่าทุกคนจะต้องซื้อเท่านั้นเท่านี้ นี่คือ ความลงตัวของธุรกิจขายตรงแห่งโลกอนาคต”

ดร.สมชาย กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีศูนย์จอยมาร์ททั่วประเทศกว่า 30 แห่ง ทั้งในรูปแบบบริษัทฯ เปิดเองตามจุดใหญ่ๆ เพื่อใช้เป็นคลังกระจายสินค้า และสมาชิกเป็นผู้ลงทุนเอง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็ได้จับมือกับกลุ่มบริษัทพันธมิตรมากมาย เช่น บริษัทในเครือสหพัฒน์ฯ, บริษัท แม็คโคร และบริษัทซึ่งเป็นผู้ผลิตอีกหลายรายสินค้านับ 100 รายการ นอกจากนี้ยังได้จับมือกับ บริษัท ยูสตาร์, บริษัท อาคเนย์ฯ จับมือกับแบงก์กรุงเทพฯ และไทยพาณิชย์ และล่าสุดก็ได้จับมือกับบริษัทในเครือ AIS เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางด้านการตลาดซึ่งกันและกัน

“ทั้งหมดนี้ก็เพื่อต้องการสร้างธุรกิจให้มั่นคง ผู้คนที่มาร่วมก็จะเกิดความเชื่อมั่นสามารถอยู่ได้ตลอดจนชั่วลูกชั่วหลาน จนเป็นมรดกตกทอดให้กับรุ่นต่อๆ ไป ตรงนี้ต่างหากที่เราพยายามคิดกลยุทธ์แล้วก็ใช้จอยมาร์ทเป็นเครื่องมือ ทำให้สินค้าในระบบและสินค้าทั่วไปเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เร็ว และมากกว่า เสมือนหนึ่งเป็นเครื่องมือเพื่อทำให้สมาชิกขายสินค้าขยายเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”

ดร.สมชาย กล่าวอีกว่า บริษัท เจริญโอสถฯ กำลังบอกกับสังคมว่า เรากำลังสร้างเครือข่ายขายตรงแบบสะดวกซื้อ ซึ่งสามารถทำรายจ่ายกลับมาเป็นรายรับจากระบบเครือข่ายของคนที่เป็นเจ้าของเครือข่าย แล้วใครล่ะที่เป็นเจ้าของเครือข่าย ก็คือ คนที่เดินเข้ามาเป็นผู้จำหน่ายอิสระแล้วตัดสินใจสร้างเครือข่ายของเขาเอง โดยอาศัยเครื่องมือที่บริษัทสร้างขึ้นมา เป็นเสมือนหนึ่งบริษัทกำลังสร้างระบบแฟรนไชส์ เอาระบบเครือข่ายไปขยายต่อแล้วเขาก็จะเติบโต เมื่อเขามีเน็ทเวิร์คมากเท่าไหร่ ก็จะกลายเป็นเจ้าของธุรกิจไปโดยปริยาย ส่งผลให้เกิดรายได้ตามมาอย่างไม่จำกัดเช่นกัน

ในวันนี้บริษัทฯ ภูมิใจที่มีคนในองค์กรนับหมื่นๆ คนที่ได้รับผลตอบแทนจากการสร้างเครือข่าย ในแต่ละเดือนประมาณ 2-3 หมื่นบาท ส่วนที่มีรายได้หลักพันก็อีกหลายหมื่นคน ขณะที่มีรายได้หลักแสนถึงหลักล้านบาทต่อเดือนก็มีอยู่หลายร้อยคน หลายคนที่ร่วมกับเจริญโอสถฯ มา 5-6 ปี มีรายได้รวมหลายสิบล้านบาท มีบ้าน มีรถ มีสวนเกษตร มีที่ดินมากมาย ไม่มีใครตกต่ำเมื่อก้าวเดินไปพร้อมๆ กับการเติบโตของเจริญโอสถฯ

“ผมมั่นใจว่า การสร้างเครื่องมือใหม่ๆ คิดในเรื่องใหม่ๆ สร้างสิ่งที่เหนือกว่า ดีกว่าให้ผู้บริโภคได้สัมผัส จับต้องได้ จะเป็นอาวุธสำคัญที่จะทำให้เจริญโอสถฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดดเกินความคาดหมาย”

ดร.สมชาย กล่าวอีกว่า ในแง่ของการทำงาน ก็ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เป็นที่เชื่อถือทำให้คนยอมรับมากขึ้น จะเห็นว่าปัจจุบันผู้คนจากค่ายต่างๆ ที่ไม่ประสบความสำเร็จจะเข้ามาร่วมธุรกิจกับเจริญโอสถฯ เพิ่มมากขึ้น นี่คือ ธรรมชาติของมนุษย์ เพราะในที่สุดเขาก็จะเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง คงไม่มีใครอยากจะไปเริ่มสร้างในสิ่งที่มองไม่เห็น หรือจับต้องไม่ได้ มันหมดยุคไปนานแล้ว เพราะการไปสร้างฝันลมๆ แล้งๆ เดี๋ยวนี้โอกาสสำเร็จมีน้อยมาก

“ต้องยอมรับว่า ยุคนี้การแข่งขันมันสูง บริษัทเครือข่ายรายใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย มีการโจมตีคู่แข่งทั้งใต้ดิน และบนดิน เพื่อหวังจะให้สมาชิกจากค่ายตาม แต่คนเครือข่ายมือ อาชีพ ที่มีผลงานจริงๆ เดี๋ยวนี้จะไม่ค่อยคล้อยตามกับการโฆษณาชวนเชื่ออีกต่อไป เนื่องจากพวกเขาเคยได้รับบาดเจ็บจากสิ่งเหล่านี้มามาก ก็เลยไม่ต้องการไปแสวงหาความ ล้มเหลวครั้งใหม่อีกต่อไป”

เมื่อรู้ว่าคนเครือข่ายต่างก็ได้รับอาการบอบช้ำจากตรงนี้มามาก บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่ง สร้างอาวุธที่ทันสมัยให้กับสมาชิกทุกคนเพื่อนำไปใช้ในการแข่งขัน ฉะนั้น จะเห็นว่าที่ผ่านมา บริษัท เจริญโอสถฯ จะไม่ขายในสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เราจะขายในสิ่งที่สัมผัสได้เท่านั้น

“วันนี้เราพยายามสร้างสิ่งที่มองเห็น และจับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของตัวสินค้า ตัวระบบธุรกิจ แผนการตลาด ผมตั้งคำถามในใจตลอดเวลาว่า สิ่งที่คนจะเดินเข้ามาหาเรา เขาจะได้ประโยชน์อะไรจากเรา ผมไม่เคยคิดว่าผมจะได้ประโยชน์อะไรจากเขา จากจุดตรงนี้เอง ในฐานะที่เราเป็นผู้ประกอบการถ้าเขาได้ เราก็ต้องได้อยู่แล้ว ฉะนั้น ผมคิดแต่ว่า เราจะสร้างความพอใจให้กับ ผู้บริโภคตามที่เขาต้องการได้อย่างไร และในรูปแบบไหนบ้าง”

เมื่อบริษัทได้มุ่งมั่นกับสิ่งที่เราได้นำเสนอ จนสามารถตอบคนอื่นได้ว่ามันเกิดขึ้นจริง และพิสูจน์ให้เห็นว่า มันสำเร็จจริง ผู้คนก็จะศรัทธา คนเราต้องสร้างจุดขาย สร้างความแตกต่างจากคนอื่นให้ชัดเจน นี่คือ กลยุทธ์ที่บริษัท เจริญโอสถฯ ใช้มาโดยตลอด

หรืออย่างมินิมาร์ททั่วไป ส่วนใหญ่จะไม่มีส่วนลด หรือถ้าลดก็แถมแสตมป์อะไรทำนองนี้ แต่ถ้าซื้อในจอย มาร์ทซึ่งมันเป็นเครือข่าย ก็จะเกิดเน็ทเวิร์ค มาร์เก็ตติ้ง คำว่าเน็ทเวิร์ค ก็คือ เมื่อมีการสร้างเครือข่ายหรือสายงาน ทุกครั้งที่มีการบริโภค มีการซื้อสินค้าใช้ ประโยชน์ส่วนนั้นก็จะได้ทั้งส่วนลด และส่วนคืนมันจะวิ่งกลับมาหาคนที่เป็นเจ้าของเครือข่าย ทีนี้เราถามว่า ในธุรกิจหลักของขายตรง ปัจจุบัน คือ การสร้างเครือข่าย แต่ถ้าเครือข่ายนั้นไม่มีเครื่องมือ เราก็ไม่สามารถรักษาองค์กรหรือทำให้เครือข่ายนั้นเกิดประโยชน์ร่วมกันต่อไปได้

“ในปีนี้เพื่อเติมเต็มให้แผนการตลาดบรรลุถึงเป้าหมาย สมาชิกทำงานง่ายขึ้น ผมได้ทุ่มงบทางด้านการตลาดกว่า 20 ล้านบาท เพื่อโฆษณา-ประชาสัมพันธ์ตามสื่อหนังสือพิมพ์ และทีวี เพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงรูปแบบธุรกิจ และกลยุทธ์ที่แท้จริงของเจริญโอสถฯ ตลอดทั้งปี ผมไม่ได้มองว่า ขณะนี้กำลังเกิดภาวะวิกฤติน้ำมันจะต้องชะลอตัวในการลงทุน แต่ผมมองว่าเป็นเป็นโอกาสของผู้คนที่จะเข้ามาสู่ระบบเครือข่าย เพราะมันสามารถทำให้ผู้คนมีรายได้อย่างไร้ขีดจำกัด สวนกระแสวิกฤติ นี่คือ เสน่ห์อันประทับใจของธุรกิจเครือข่าย ไม่มีวันตายแม้ภาวะเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไรก็ตาม” ดร.สมชายกล่าว

เจริญโอสถฯ แค่เปลี่ยนความคิด ชีวิตคุณจะเปลี่ยน !!!!!! ลองเปิดใจศึกษาดูก่อนนะครับ


แค่เปลี่ยนความคิด ชีวิตคุณจะเปลี่ยน !!!!!! ลองเปิดใจศึกษาดูก่อนนะครับ
ทำไมต้องเจริญโอสถ !!!
คุณรู้หรือไม่ว่า รายจ่ายของท่านบางส่วนสามารถเปลี่ยนชีวิต เสริมฐานะทำให้คุณมีรายได้เพิ่ม
รายจ่ายที่คุณซื้อสินค้าอุปโภค สินค้าบริโภคที่ใช้ในชีวิตประจำวันนั่นแหล่ะ
อาทิเช่น ผงซักฟอก สบู่ ยาสีฟัน น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างรถ น้ำดื่ม ขนมกรุบกรอบ ฯลฯ
เพียงท่านเปลี่ยนสถานที่ซื้อสินค้าจากมินิมาร์ท และห้างสรรพสินค้าชื่อดัง มาที่ Join Mart
คุณก็สามารถเปลี่ยนรายจ่ายเป็นรายได้อย่างง่ายๆครับ
คุณก็มีโอกาสได้เป็นเจ้าของธุรกิจสินค้าอุปโภค - บริโภคระบบเครือข่ายกว่า 7,000 รายการ
สามารถสร้างรายได้จริง มั่นคง มั่งคั่ง ไม่เพ้อฝัน ถูกต้องตามกฏหมาย

การซื้อสินค้าแบบนี้เป็นการลดคนกลาง และทำให้ลดต้นทุนสินค้า
คนที่ได้ประโยชน์คือ คนที่ซื้อสินค้าไปใช้ด้วยราคาที่ถูกลง สำหรับสินค้าในชีวิตประจำวัน
เรามีพันธมิตรหลายบริษัทที่ได้นำสินค้ามาจำหน่ายในเครือข่ายมินิมาร์ท เช่น เครือสหพัฒน์ ฯลฯ
1. เป็นพันธมิตรกับเครือสหพัฒน์ และเครือโอท็อปต่างๆ
ความเห็นส่วนตัว ---> ถ้าบริษัทไม่มั่นคง เครือสหพัฒน์คงไม่ร่วม CO ด้วย
2. ได้รับรางวัลพระราชทานรางวัล "เทพทอง" จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2546
(องค์กรดีเด่นและเครือข่ายการสร้างคนดี) (มาจาก business manual company profile)
ความเห็นส่วนตัว ---> ถ้าไม่ใช่บุคคล/บริษัทที่ทำคุณงามความดีให้กับสังคม คงจะไม่ได้รับรางวัลพระราชทานกับในหลวง ใช่หรือไม่ ??
3. ได้รับโล่เกียรติยศจากท่านนายกฯ อภิสิทธ์ เวชชาชีวะ ให้เป็นบริษัทดีเด่น ปี 2552
ประเภทนวัตกรรมการตลาดแนวใหม่ ขายตรงสะดวกซื้อรายแรกของเมืองไทย
(นสพ. ตลาดวิเคราะห์ ฉบับวันที่ 1-15 กรกฎาคม 2552)
ความเห็นส่วนตัว ---> ถ้าไม่ใช่บริษัทขายตรงไทยที่ทำดีจริง คงจะไม่ได้รับโล่เกียรติยศ บริษัทขายตรงดีเด่น 2552 ใช่หรือไม่ ??
4. ได้รับความไว้วางใจจากธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงเทพ ให้ทำบัตรสมาชิกรวมกับบัตร ATM ของธนาคาร
5. "เจริญโอสถเป็นบริษัทของคนไทย และเป็นบริษัทมั่นคง แบงก์กรุงเทพจึง co (Co-operation) กับเจริญโอสถ เจริญโอสถยังไปได้อีกยาวไกล
6. ซื้อสินค้าในราคาขายส่ง ไม่ใช่ราคาขายปลีก ราคาส่วนต่างนั้นคุณจะได้รับเป็นรายได้ไป
สินค้าเหมือนเซเว่น อีเลเว่น ราคาแม็คโคร
7. มีเงินเดือน30,000 - 120,000 บาทต่อเดือน (แล้วแต่ความสามารถ)
8. ได้ค่าคอมมิชชั่น มีเงินปันผล มีโบนัส
9. เป็นระบบดาวน์ไลน์ด้วย ถ้ามีคนสมัครกับคุณ คุณก็จะได้รับรายได้ไป
10. ที่สำคัญคือ คุณไม่ต้องรักษายอดทุกเดือน สมัครครั้งเดียวใช้สิทธิ์พิเศษตลอดชีวิต
11. และคุณไม่ต้องห่วงดาวน์ไลน์ของคุณว่า จะเสียเปรียบหรือไม่ เขาก็จะได้รับสิทธิประโยชน์
เหมือนกับคุณเหมือนกัน
12. รับรองว่าถูกต้องตามกฏหมายทุกประการ

เจริญโอสถฯ คึกรวยสวนวิกฤติ สมาชิกใหม่เพิ่ม40%


"เจริญโอสถฯ" จับทางถูก เปิดสงครามเครือข่ายมุ่งเน้นสร้างอาชีพที่เป็นไปได้ ทำง่ายที่สุด "รวยแล้วบอกต่อ" กระแสตอบรับพุ่งสวนกระแสทะลักกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่งผลต่อยอดขายพุ่งเดือนละกว่า 120-130 ล้านบาท "ดร.สมชาย หัชลีฬหา" ตอกย้ำ! ยุคนี้ไม่มีอาชีพอะไรจะสร้างความร่ำรวยให้กับคนทุกระดับชั้นได้ดีเท่าอาชีพเครือข่าย เพราะใช้เงินลงทุนไม่สูง เผยตัวเลขคนที่สำเร็จมีรายได้ตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักล้านต่อเดือนมีเป็นหมื่นๆ คน เปิดมา 8 ปีจ่ายผลตอบแทนไปแล้วกว่า 2,400 ล้านบาท แถมชูพลูคาวแคปซูล สูตรเข้มข้นกว่าชนิดน้ำถึง 10 เท่า เพื่อสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009

พูดไปใครจะเชื่อว่า ภาวะวิกฤติอย่างนี้ยังจะมีธุรกิจอะไรที่มียอดขาย "พุ่งทะยาน" แบบไม่หยุดยั้ง อย่างธุรกิจเครือข่ายหรือขายตรง หลายค่ายต่างก็พากันตีปีกฉีกรอยยิ้ม แบ่งเค้กก้อนใหญ่กันอย่างเมามัน

หนึ่งในนั้นถ้าไม่กล่าวถึงเห็นทีจะ "ตกกระแส" เพราะได้รับความสนใจอย่างมาก นั่นก็คือ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เนทเวิร์ค จำกัด นั่นเอง ที่สร้างความแข็งแกร่งในยุทธจักรเครือข่ายมานานถึง 8 ปี จ่ายผลตอบแทนให้สมาชิกโดยรวมไปแล้วกว่า 2,400 ล้านบาทเห็นจะได้

ที่แน่ๆ บริษัทฯ นี้ได้พัฒนาสิ่งใหม่ๆ ให้กับวงการเครือข่ายได้ลิ้มรสความแปลกใหม่ ล่าสุดยังได้รับโล่บริษัทดีเด่น ปี 2552 จาก "นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ในฐานะ "ผู้สร้างนวัตกรรมการตลาดแนวใหม่ ขายตรงสะดวกซื้อรายแรกของไทย" ที่สมาคมช่างภาพสื่อมวลชนฯ จัดขึ้นเมื่อกลางปีที่ผ่านมา มีบริษัทเครือข่ายเพียง 3 รายเท่านั้นที่ได้รับเกียรติอันสูงสุดครั้งนี้ และหนึ่งในนั้น ก็คือ บริษัท เจริญโอสถฯ นั่นเอง

ดร.สมชาย หัชลีฬหา ประธานกรรมการ บริษัท เจริญโอสถ อินเตอร์เนชั่นแนล เนทเวิร์ค จำกัด เปิดเผย "ตลาดวิเคราะห์" ว่า นี่คือ รางวัลแห่งความสำเร็จของคนเครือข่ายทั้งประเทศ ที่ภาครัฐ และองค์กรสื่อมวลชนชั้นนำของประเทศให้การยอมรับกับอาชีพเครือข่ายมากขึ้น

"ผมได้คิดค้นนวัตกรรมการตลาดใหม่ๆ เพื่อนำเสนอต่อผู้บริโภคเพื่อให้เข้ามาทำอาชีพเครือข่ายที่ง่ายขึ้น ที่สำคัญ ผมได้สร้างหลักสูตรแห่งความร่ำรวยมารองรับคนไทยทั้งประเทศที่เดือดร้อนทางด้านการเงิน ต้องยอมรับว่าวิกฤติครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้ง เพราะลุกลามไปทั่วโลก เมื่อผู้คนในสังคมเดือดร้อน รัฐบาลเองก็ไม่สามารถเข้าไปเยียวยาได้ทันท่วงที เนื่องจากปัญหาการเมืองในปัจจุบัน และ ไข้หวัดใหญ่ 2009 คือตัวแปรสำคัญที่รัฐเองก็ยากที่จะแก้ปัญหาของประชาชนได้ ผมเองซึ่งเป็นภาคเอกชน ได้มองเห็นโอกาสในการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นภายในเวลาไม่นานนัก จึงได้วางทำโครงการให้ประชาชนมาฝึกทำอาชีพฟรี เรามีผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้อย่างใกล้ชิด พร้อมการันตีความสำเร็จขอเพียงเดินตามแผนการที่บริษัทวางไว้ก็พอ"

นับตั้งแต่เปิดบริษัทฯ มา สมาชิกที่มีรายได้ตั้งแต่หลักล้านบาทต่อเดือนมีกว่า 10 คน บางคนมีรายได้รวมทั้งหมดกว่า 70 ล้านบาท ส่วนสมาชิกที่มีรายได้ตั้งแต่ 2-3 แสนขึ้นไปมีเกือบ 100 คน ส่วนคนที่มีรายได้ต่อเดือนตั้งแต่ 5 หมื่นขึ้นไปแต่ไม่เกิน 150,000 บาท มีไม่ต่ำกว่า 300 คน ขณะที่สมาชิกที่มีรายได้ตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึง 5 หมื่นบาท มีจำนวนกว่า 1,000 คน และที่มีรายได้หลักพันถึงหลักหมื่นบาทต่อเดือนมีเป็นหมื่นๆ คน

"จะเห็นว่า สมาชิกใหม่ที่เข้ามาทำอาชีพเครือข่ายกับเจริญโอสถฯ อย่างจริงจัง เข้าอบรมตามหลักสูตรที่บริษัทกำหนดไว้อย่างสม่ำเสมอ และลงมือทำงานอย่างจริงจัง ใช้เวลาเพียง 3 เดือนก็จะมีรายได้หลักหมื่นขึ้นไป บางรายได้มากกว่า 50,000 บาทต่อเดือนก็มี นี่คือ ความมหัศจรรย์ของอาชีพเครือข่าย ซึ่งใครๆ ก็ทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด"

ดร.สมชายกล่าวอีกว่า ยิ่งวิกฤติอย่างนี้ทุกอาชีพคงไม่สามารถทุบสถิติเรื่องรายได้มากไปกว่าการทำอาชีพเครือข่ายแน่นอน ที่สำคัญ การลงทุนไม่สูง อย่างเจริญโอสถฯ ลงทุนเพียง 450 บาทก็สามารถเข้ามาฝึกอาชีพได้แล้ว แต่ตอนนี้เราฝึกอบรมให้ฟรี เพื่อต้องการให้ประชาชนมีโอกาสสร้างความสำเร็จให้กับตนเอง กล้าเดินเข้ามาศึกษา ทุกคนก็พร้อมจะนำพาความสำเร็จกลับไปแน่นอน

"ยิ่งมีคนสำเร็จในอาชีพนี้มากเท่าไหร่ ผมยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น คนเราถ้ามีรายได้มากขึ้น ครอบครัวก็อบอุ่นมีความสุข ปัญหาสังคมก็จะไม่เกิด ผมเองก็มีความสุขที่ได้เห็นสมาชิกมีรายได้กันทั่วหน้า บางคนในอดีตเคยกวาดขยะในกทม. พอเข้ามาทำอาชีพเครือข่ายกับเจริญโอสถฯ ยังไม่ถึง 2 ปี ปัจจุบันมีรายได้เดือนละเกือบ 2 แสนบาท แต่งตัวดีภูมิฐาน มีหลักการในการพูดคุย บางคนจบแค่ป.6 หลังเข้ามาทำอาชีพเครือข่ายกับเจริญโอสถฯ ได้ 5-6 ปี ปัจจุบันมีรายได้เดือนละกว่า 1 ล้านบาท มีบ้าน มีรถ มีสวนผลไม้นับร้อยๆ ไร่ อย่างนี้เป็นต้น"

ดร.สมชายกล่าวอีกว่า บริษัท เจริญโอสถฯ ได้นำกลยุทธ์การตลาดแนวใหม่ในรูปแบบ "ขายตรงสะดวกซื้อรายแรกของไทย" มาใช้ในการทำตลาด จนเป็นที่กล่าวขานว่า นี่คือ นวัตกรรมการตลาดแห่งโลกอนาคต ซึ่งยังไม่มีใครทำได้ ในการที่จะนำระบบค้าปลีก ค้าส่ง ขายตรง แฟรนไชส์ เข้ามาอยู่ในระบบเดียวกันอย่างกลมกลืนและเหมาะสมกับภาวะการณ์ในปัจจุบัน

"เราเป็นขายตรงหนึ่งเดียว ที่มีสินค้ามากที่สุด คือ เกือบ 1 หมื่นรายการไว้ให้สมาชิกจับจ่าย มีสาขาทั่วประเทศกว่า 30 แห่ง ในรูปแบบร้าน "จอยมาร์ท" ถ้านึกไม่ออกให้นึกภาพถึงร้านเซเว่นฯ ก็แล้วกัน แต่การซื้อผ่านระบบของเราจะได้ผลตอบแทนกลับคืนไป ใช้ระบบออนไลน์ทั่วประเทศ จะเห็นว่า คนที่เข้ามาทำอาชีพเครือข่ายกับเรา จะทำงานไม่ยาก เพราะเรามีสินค้าบริการเกือบทุกชนิด แม้แต่สินค้าที่ค่ายอื่นมี เราก็มีเช่นกันแต่ขายในราคาถูกกว่า อย่างพลูคาวน้ำที่กระแสมาแรงมาก เพราะเชื่อว่าสามารถต้านไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้ เราขายมากว่า 2 ปีราคาก็ถูกกว่าค่ายอื่นๆ ขณะเดียวกัน เรายังได้พัฒนาสินค้าพลูคาวชนิดแคปซูล เพิ่มประสิทธิภาพให้เข้มข้นเหนือกว่าชนิดน้ำนับสิบๆ เท่า แต่ราคาย่อมเยาใครๆ ก็ซื้อมารับประทานได้ เพื่อสร้างภูมิต้านทาน เพราะผมต้องการให้ประชาชนมีโอกาสเข้ามาทำอาชีพเครือข่ายแบบง่ายๆ และได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี เวลานี้ยอดขายถล่มทลายเพราะกระแสไข้หวัด 2009"

นอกจากนี้บริษัท เจริญโอสถฯ ยังมีปุ๋ย และอาหารเสริมพืชทุกชนิด ซึ่งสามารถเพิ่มผลผลิตได้ชัดเจน เราทำตลาดมาหลายปี กระแสตอบรับดีมาก เฉพาะยอดขายปุ๋ยในแต่ละปีก็หลายหมื่นตัน ที่สำคัญ บริษัทฯ ได้ส่งเสริมให้สมาชิกทำอาชีพเครือข่ายได้ง่ายขึ้น โดยใช้สื่อหนังสือพิมพ์ขายตรงเกือบทุกฉบับในการโฆษณา-ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง และยังได้ใช้สื่อทีวีมากว่า 1 ปี ส่งผลให้มองเห็นช่องทางในการทำตลาดใหม่ๆ มากขึ้น

"ในช่วงเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป บริษัท เจริญโอสถฯ ได้ซื้อเวลาช่อง IN TV เพื่อออกอากาศวันละ 2 รอบ เวลา 05.00-06.00 น. และ 17.00-18.00 น. ทุกวัน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามาทำอาชีพเครือข่ายกับเจริญโอสถฯ มากขึ้น ภายใต้คนเซ็ปท์ "อาชีพที่เป็นไปได้ ทำง่ายที่สุด คือ รวยแล้วบอกต่อ" ผมเชื่อว่า ภาวะวิกฤติแบบนี้คนคงอยากจะฟังเรื่องรวยๆ วิธีการสร้างรายได้มากกว่าสิ่งอื่นใด หลังเปิดเกมรุกได้ไม่นาน ปัจจุบันมีสมาชิกใหม่ๆ หรือ บลู โอเชี่ยนเข้ามาทำอาชีพเครือข่ายกับเจริญโอสถฯเพิ่มมากขึ้นเกือบ 40% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆ มา ยอดขายเพิ่มขึ้นเดือนละ 120-130 ล้านบาท จากกระแสตอบรับตรงนี้ จึงมั่นใจว่า เราเดินมาถูกทาง ผมเลยมุ่งสร้างอาชีพให้คนไทยมีรายได้ ผลักดันให้ผู้คนในสังคมมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะอาชีพนี้เปิดกว้างสำหรับทุกคน ใครๆ ก็เดินเข้ามาหาค้นหาความร่ำรวยได้อย่างเท่าเทียมกัน" ดร.สมชายกล่าว

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552